‘นรนล’ ไขที่มา ‘ละอองปาริชาต’

บทสัมภาษณ์

จากตำนานมากมายที่กล่าวถึง ‘ดอกปาริชาต’ ดอกไม้บนสวรรค์ที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์และวรรณกรรมอิงพุทธศาสนา ว่ากันว่าเมื่อผู้ใดได้สูดดมก็จะสามารถระลึกชาติได้ นำมาสู่คดีฆาตกรรมสุดพิศวง ที่ใช้การตายของเหยื่อแทนกลิ่นของดอกปาริชาต

จากตำนานมากมายที่กล่าวถึง ‘ดอกปาริชาต’ ดอกไม้บนสวรรค์ที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์และวรรณกรรมอิงพุทธศาสนา ว่ากันว่าเมื่อผู้ใดได้สูดดมก็จะสามารถระลึกชาติได้ นำมาสู่คดีฆาตกรรมสุดพิศวง ที่ใช้การตายของเหยื่อแทนกลิ่นของดอกปาริชาต

สวัสดีครับ ผม ‘นรนล’ กลับมาพบกับผู้อ่านอีกครั้งพร้อมกับคดีฆาตกรรมรสชาติแปลกใหม่ แต่เป็นความแปลกใหม่ที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเป็นเรื่องใกล้ตัว คดีที่จะพาเราไปทำความเข้าใจกับเหตุปัจจัยของการมีอยู่ของสิ่งสิ่งหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดอีกสิ่งหนึ่งตามมาเสมอ พันเกี่ยวกันเป็นระบบเป็นวงจรอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้แต่ตัวเราที่เคยคิดว่ารู้จักเป็นอย่างดีความจริงแล้วอาจเป็นเพียงมายา หรือเป็นเพียงเศษเสี้ยวที่เกิดจากการปรุงแต่งเพื่อให้เกิดการดำรงอยู่ เกาะเกี่ยวไปตามสิ่งที่รักชอบพอใจ ไหลไปตามกระแสของโลกอย่างไม่รู้จบ

คำถามคือ สรุปแล้วเราเป็นใคร เกิดมาเพื่ออะไร ต้องทำอะไร ต้องไปที่ไหน แล้วต้องไปจนถึงเมื่อไร ปลายทางคืออะไร ทว่ากลับไม่มีผู้ใดล่วงรู้คำตอบอย่างแท้จริง จนกว่าจะได้เข้าไปสำรวจความจริงให้เห็นแจ้งด้วยตัวเอง ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงค้นพบ และทรงแผ้วถางเส้นทางทิ้งไว้ให้พวกเราเดินตามตั้งแต่สองพันกว่าปีก่อนแล้วละครับ

อ่านมาถึงตรงนี้ผู้อ่านคงขมวดคิ้ว บ้างก็อาจจะรู้สึกแปลกๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมไม่ได้กำลังชักจูงให้เข้ารีตหรือหว่านล้อมให้เชื่อเรื่องศาสนาอะไรเทือกนั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่เกริ่นมาข้างต้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของคดีฆาตกรรมภายในเรื่องเท่านั้น

ละอองปาริชาต ว่าด้วยเรื่องแปลกประหลาดบนที่ดินผืนหนึ่ง ที่ดินที่ใครหลายคนต่างก็อยากครอบครองเป็นเจ้าของ ทว่าทุกคนที่เคยเกี่ยวข้องกับมันกลับพากันผูกคอตายไปทีละคนอย่างเป็นปริศนา จนในปัจจุบัน ที่ดินผืนนั้นดันตกไปอยู่ในมือของ ‘ปานรชา’ พนักงานขายประจำบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งอย่างไม่น่าเป็นไปได้ หลังจากนั้นก็เริ่มมีเหตุการณ์ประหลาดที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้เกิดขึ้นกับเธออยู่ตลอด ยิ่งตามสืบก็ยิ่งเจอแต่ความบิดเบี้ยวของผู้คนรอบกาย โดยเฉพาะเหล่าคนที่เคยมีความเกี่ยวข้องกับที่ดินผืนนี้ เบาะแสสำคัญที่พวกเขาทิ้งเอาไว้ก่อนตายก็คือการตามหา ‘ปาริชาต’ กุญแจสำคัญที่เชื่อว่าจะนำพาพวกเขาไปสู่ประตูนิพพาน นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

นับว่าเป็นนิยายอีกเรื่องที่ทำให้ผมได้ลองเขียนอะไรใหม่ๆ โดยใช้วัตถุดิบที่อยู่ใกล้ตัวเราทุกคนมาโดยตลอด (แต่จะเป็นอะไรนั้นขอไปเฉลยในเรื่องก็แล้วกันนะครับ) บวกกับได้แรงบันดาลใจมาจากสังคมในยุคปัจจุบัน แม้โลกจะเดินไปข้างหน้า มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทว่าจิตใจของผู้คนก็ยังคงต้องการที่พึ่ง ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจอยู่ตลอด โดยหารู้ไม่ว่า บางทีสติของเรานี่แหละที่อาจเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุด

ผมต้องขอขอบคุณสำนักพิมพ์ Shadow ที่มอบโอกาสให้นักเขียนตัวเล็กๆ คนนี้ได้เขียนจินตนาการ ความเป็นปรัชญาผสมผสานกับความลึกลับแฟนตาซีของเนื้อเรื่องออกมาสู่สายตานักอ่าน ขอบคุณทีมบรรณาธิการที่ช่วยทำให้นิยายเรื่องนี้ออกมาสมบูรณ์มากที่สุด และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีมาโดยตลอด

ผมเชื่อว่า นอกจาก ละอองปาริชาต จะพาทุกคนดำดิ่งไปสู่ความซับซ้อนของคดีแล้ว มันยังพาเราตั้งคำถามไปถึงจิตใจอันซับซ้อนของเราอีกด้วย กายใจที่คิดว่าเป็นตัวเราในทุกวันนี้ เราเข้าใจและรู้จักมันดีพอแล้วหรือยัง