
4
คนเอาแต่ใจ
คณิณไม่ได้รอส่งแขกทั้งหมดกลับบ้าน เพื่อนแต่ละคนล้วนรับรู้ถึงอารมณ์ที่ไม่ปกติของเขาถึงได้เป็นฝ่ายจบการสังสรรค์เอง แน่นอนว่าเขาไม่ขัด และความไม่พอใจนั้นเผยชัดเต็มใบหน้าจนไม่คิดจะปิดบัง
“...อื้อ”
กลีบปากของคนตัวเล็กที่ถูกบดขยี้หน่วงหนักเป็นเวลานานบวมแดงและฉ่ำชื้น ฝ่ามือเล็กปัดป่ายกับกรอบหน้าของคนตัวสูงด้วยความทรมาน ทว่าเจ้าของปลายลิ้นอย่างเขานั้นกลับยังดูดคลึงอยู่กับความอ่อนนุ่ม ไม่อาจละกลีบปากจากสัมผัสหอมหวานนี้ได้
กายบางที่ถูกตรึงอยู่กลางเตียงกว้างนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่ใต้ร่างใหญ่หนา ข้อมือทั้งสองข้างของเธอถูกรวบเหนือศีรษะ ริมฝีปากสีแดงก่ำถูกเขาตะโบมจูบร้อนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฝ่ามือที่ว่างอยู่ลูบไล้ไปตามผิวกายร้อนจัด คำตัดพ้อต่อว่าต่างๆ นานาถูกกลืนหายเหลือเพียงเสียงครางอู้อี้ในลำคอ เมื่อเจ้าของร่างหนาที่ทาบทับร่างบางไม่เปิดโอกาสให้เสียงเหล่านั้นได้เล็ดลอด คณิณยังคงรุกเร้าอยู่กับผิวกายเนียนละเอียดอย่างเอาแต่ใจ กวาดชิมความหวานจากทั่วโพรงปาก ซึ่งน่าหงุดหงิดไม่น้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงรสเฝื่อนของแอลกอฮอล์ที่เจืออยู่
เขาไม่ได้โกรธที่เธอดื่มเหล้า แต่ความไม่พอใจนั้นเกิดจากดวงตาฉ่ำเยิ้มและรอยยิ้มบางนั่นต่างหาก เธอคงไม่รู้ว่าความหวงแหนในใจเขาล้นทะลักแค่ไหนยามเมื่อเจ้าตัวเอาแต่ยิ้มหัวเราะกับคนอื่น แต่คณิณคิดว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขาหลุดการควบคุม แต่เป็นประโยคสุดท้ายที่ออกมาจากริมฝีปากสีสด นั่นต่างหากที่ทำให้ความอดทนของเขาสิ้นสุดลง
‘ให้ตายเถอะ!’
ยิ่งคิด ความงุ่นงานก็ยิ่งส่งผลให้เขาบดคลึงกลีบปากอย่างร้อนแรงมากขึ้น ฝ่ามือร้อนจัดที่ลากไล้อยู่กับผิวกายถึงได้ทั้งเคล้นคลึงและบีบขย้ำ คณิณไม่แน่ใจว่าเกิดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือความหึงหวงที่ทำให้ความรู้สึกของเขารุนแรงขึ้น รู้แค่ว่าตอนนี้ต้องจัดการอะไรสักอย่างกับเด็กปากกล้าที่พูดประโยคไม่น่าฟังนั้นออกมาต่อหน้าเขา
‘ครีมไม่ชอบ ฮึก...ไม่อยากชอบคุณแล้ว’
‘ไม่มีวันนั้นหรอกครีม...’
กลิ่นกายหอมหวานตรงหน้าจะทำให้ความรู้สึกรุนแรงเมื่อครู่เบาบางลงก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายถึงว่าเขาจะยอมอ่อนข้อให้เด็กอวดเก่งที่ยังดื้อดึงอยู่ตอนนี้ เพราะต่อให้เธอไม่อยากชอบกันมากแค่ไหน เขาก็จะทำให้เธอหลงใหลและเรียกหาแต่เขาซ้ำๆ อยู่ดี
เขาจะทำให้เธอชอบทุกอย่างนี้จนไม่สามารถมองผู้ชายคนไหนได้อีก!
“อื้อ”
เสียงร้องท้วงสั่นเครือของหญิงสาวดังแทรกในขณะที่กลีบปากถูกฟันคมของชายหนุ่มขบกัดย้ำๆ บ้างก็หนักหน่วง บ้างก็ผ่อนแรงจนคนใต้ร่างแทบจะหลอมละลาย ไม่เพียงแค่ริมฝีปากของเธอที่ถูกเขารังแก แต่ปลายลิ้นอุ่นยังถูกเขาดูดดึงแรงๆ จนลิ้นเธอแทบติดลิ้นเขาออกมา
เสียงน้ำลายเฉอะแฉะปะปนกับเสียงคำรามกร้าวของชายหนุ่มที่ฝ่ามือยังไม่ละไปจากผิวกายหอมหวานของคนตรงหน้า มันทั้งนุ่มนิ่มและเต็มไม้เต็มมือเสียจนเขาอยากบีบเคล้นให้เกิดรอยเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
แน่นอนว่านั่นไม่ได้เป็นเพียงความคิด เพราะหลังปลุกเร้าคนตัวบางให้อ่อนระทวยอยู่ใต้ร่างแล้ว ฝ่ามือที่ลูบไล้อยู่ตามผิวกายก็เปลี่ยนมาบีบขยำและคลึงเคล้นจนมันขึ้นรอยจาง ริมฝีปากก็ขบเม้มลงน้ำหนักพลางบดขยี้ ปิดกั้นถ้อยคำต่อว่าต่อขานของเธอให้หายลงไปในลำคอ จูบนั้นนานจนคนถูกจูบไขว่คว้ามือราวจะหาอากาศเข้าปอด คนที่เอาแต่ใจถึงยอมผละริมฝีปากออกให้หญิงสาวโกยอากาศหายใจ เขาหันไปหาความอ่อนนุ่มของผิวแก้ม กดจมูกลงตรงนั้นหนักๆ ก่อนจะไซ้ไปตามกรอบหน้าและลำคอ เขาหยุดตรงหัวไหล่ขาวเนียน จูบซับแผ่วเบาอย่างหยอกเย้าก่อนจะขบจนคนใต้ร่างสะดุ้งไหว
มุมปากได้รูปของชายหนุ่มยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงร้องครางแทนที่จะเป็นเสียงร้องห้าม ก่อนเจ้าตัวจะขยับหนีสัมผัสเมื่อเขาทำท่าว่าจะขบกัดอีก
“อื้อ”
แต่มีหรือที่เขาจะเปิดโอกาสให้เธอทำอย่างนั้น!
คนเจ้าเล่ห์เปลี่ยนเป้าหมายจากริมฝีปากฉ่ำแดงมาเป็นผิวกายขาวเนียนที่บัดนี้เป็นสีระเรื่อเพราะการกระทำของเขาอย่างพึงพอใจ เพียงไม่กี่นาทีชุดเดรสตัวสวยบนเรือนร่างก็ถูกเขาดึงออกแล้วโยนทิ้งลงข้างเตียงอย่างไม่ไยดี
คณิณยิ้มบางกับความสวยงามตรงหน้า แต่ดูเหมือนเด็กน้อยของเขาจะไม่พอใจการกระทำนี้สักเท่าไรเพราะยกท่อนแขนเล็กๆ มาปกปิดเรือนกายเอาไว้ แต่เจ้าตัวคงไม่รู้เลยว่าท่าทางแบบนั้นมันยั่วยวนมากกว่าการนอนนิ่งๆ เสียอีก
คนถูกปอกจนร่างกายเปลือยเปล่าตัดพ้อคนตัวสูงผ่านทางสายตา ทว่ากลับไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับหนีลงจากเตียง คริมาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังตกค้าง หรือเพราะความรู้สึกน่าไม่อายบางอย่างที่ทำให้เธอได้แต่มองคนตรงหน้าค่อยๆ ถอดเสื้อตัวเองออกทางศีรษะ
“หึ”
คนเผลอไผลผินไปหน้าไปทางอื่นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ คริมาหายใจแผ่ว ใช้เรี่ยวแรงที่เหลือเพียงน้อยนิดผลักใบหน้าหล่อเหลาที่โน้มมาใกล้ให้ออกห่าง แต่เพียงไม่นานดวงตาคู่สวยก็ต้องเบิกกว้างเมื่อคนถูกผลักเปลี่ยนเป้าหมายจากริมฝีปากไปเป็นอย่างอื่น
“อึกอื้อ!”
กายบางของหญิงสาวดิ้นเร่าเมื่อยอดอกถูกรวบไว้ในมือแล้วส่งเข้าปาก คนใจร้ายใช้ปลายลิ้นปาดส่วนไวต่อสัมผัสของเธอจนมันคัดแข็ง ดีดเด้ง และชูชัน ให้คนก้มสัมผัสได้ดูดกลืนอย่างน่าไม่อาย เสียงครางกระเส่าเล็ดลอดจากปากเมื่อลิ้นร้อนชื้นปัดไปมาแล้วงับเม้ม ชายหนุ่มดูดดึงมันแรงๆ จนเจ้าของร่างสั่นผวา แอ่นร่างกายเข้าหาอย่างร้อนร่าน
นอกจากความเจ็บแปลบตามผิวกายที่ได้รับแล้วก็ต้องยอมรับว่ามีความรู้สึกอื่นซ่อนอยู่อีก ความรู้สึกน่าไม่อายที่ทั้งเสียวซ่านจากการถูกปลุกเร้าหนักหน่วง อีกทั้งความต้องการที่โถมใส่จนกายบางสั่นสะท้าน ส่วนอ่อนไหวฉ่ำเยิ้มด้วยความทรมานและอัดอั้น ถึงอย่างนั้นน้ำตาเม็ดกลมก็ยังเอ่อคลอเพราะความเจ็บ
ยอดอกอวบที่ถูกขบกัดปรากฏรอยฟันและคราบน้ำลาย กายสาวที่ถูกฝังรอยเขี้ยวจางๆ เอาไว้ทั่วสั่นกระเส่า ฐานอกเต็มไปด้วยร่องรอยสีชมพูจางเพราะถูกดูดกลืนย้ำๆ คนตัวสูงยังคงบีบเคล้นอยู่กับก้อนนุ่มสลับกับเลียหนักๆ ก่อนลากลิ้นกลับมาหยอกเอินยอดถัน ก่อนดูดกลืนมันแรงๆ อย่างเอาแต่ใจ
“อื้อ”
ร่างเล็กของหญิงสาวบิดเร่า หัวใจเต้นแรงแทบบ้ายามเมื่อเจ้าของร่างสูงใหญ่ไล้ริมฝีปากไปตามผิวเนื้อสาว เขาขบเม้มและทำรอยไปทั่วตั้งแต่หัวไหล่บอบบาง เนินอกขาวอวบและหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะหยุดลงตรงส่วนที่ทำให้เธอหวีดเสียงร้องห้ามตัวสั่น
“อย่า ตรงนี้มัน...อ๊า” คำห้ามปรามกลายเป็นเสียงหวีดแหลมเมื่อสะโพกถูกยกลอยขึ้น ก่อนเขาจะแทรกลิ้นเข้ามาในความอ่อนไหวแล้วดูดชิม
“อื้อ ยะ...อย่า”
คริมาดิ้นเร่าจนหัวหมุนเมื่อปลายลิ้นหยอกเอินกับความลึกลับที่ฉ่ำเยิ้มกลางกายสาว ลมหายใจของเธอเกือบขาดห้วงเมื่อเขาขบติ่งเนื้อที่ไวต่อสัมผัสจนซ่านสยิว เสียงครางกระเส่ายิ่งฟังไม่ได้ศัพท์ หญิงสาวแอ่นร่างผวาเฮือก เด้งสะโพกกลมพลางส่ายไปมาแทบไม่ติดพื้น เพราะชายหนุ่มปรนเปรอเธอจนสุขล้น โหมความต้องการเข้าใส่เธออย่างหนักหน่วง จุดไฟปรารถนาร้อนแรงจนร่างเล็กหยัดตัวเข้าหาลิ้นร้อนของเขาอย่างลืมอาย
ทว่าความรู้สึกที่กำลังจะขึ้นสวรรค์ก็พลันหล่นลงเหว เมื่อจู่ๆ คนที่ปลุกปั่นร่างกายจนแทบระเบิดด้วยความร้อนรุ่มก็จงใจผละห่างออกไปทั้งอย่างนั้น
“ฮื้อ”
เสียงร้องท้วงด้วยความทรมานดังขึ้นเมื่อความสุขสมที่กำลังจะได้รับพังลงต่อหน้าต่อตา คริมากัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ ผิวกายของเธอแดงจัดเพราะพิษความทรมานที่ไม่ได้รับการปลดปล่อย ดวงตาฉ่ำชื้นมองตามคนตัวสูงด้วยความรู้สึกน้อยใจท่วมท้น
คณิณหยุดทุกการกระทำแสนวาบหวามนั้นลงแล้วก้าวลงจากเตียงอย่างเชื่องช้า ดวงตาคมดุตวัดมองหญิงสาวที่นอนหอบบนเตียงกว้างด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนที่คนตัวสูงจะเดินกลับเข้ามาใหม่ โยนแท่งซิลิโคนใสและเจลหล่อลื่นลงข้างเธอ
“ช่วยตัวเองให้ฉันดูหน่อย”
สิ้นน้ำเสียงเย็นชา ความเงียบงันก็เข้าครอบครองไปทั่วห้อง และเป็นอีกครั้งที่ความรู้สึกอยากอวดดีของเธอเข้ามาในแทนที่ความตัดพ้อในแววตา
คริมายิ้มบางกับตัวเอง ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อต้องค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความวาบหวาม ดวงตากลมโตกวาดมองเรือนร่างของตัวเองที่เต็มไปด้วยรอยรักสีกุหลาบที่อีกคนฝากเอาไว้ กายส่วนล่างของเธอปวดหนึบเพราะความสุขสมที่ถูกกระชากออกเมื่อครู่
ใบหน้าสวยเบ้เล็กน้อยเนื่องจากความต้องการที่คั่งค้าง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนไหวระริกเพราะความน้อยใจ แต่เธอก็สลัดทิ้งอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนฤทธิ์แอลกอฮอล์ในร่างกายจะทำให้ความกล้าของเธอเพิ่มขึ้นมากเป็นเท่าตัว
คริมาขยับร่างกายอันร้อนผ่าวขึ้นไปชิดหัวเตียงกว้างก่อนแยกสองขาเสลาอย่างเชื่องช้าตามอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของ เธอแตะปลายนิ้วเล็กลงบนริมปากก่อนปาดน้ำลายจนเปียกชุ่มแล้วสัมผัสกุหลาบงามกลางกายที่ค่อยๆ แย้มบานเพราะเนื้อตัวอันเปลือยเปล่า
“...อะ”
ทันทีที่ปลายนิ้วแตะลงบนกลีบกุหลาบสีอ่อน เสียงครางกระเส่าของหญิงสาวก็ดังแผ่ว ปรารถนาการเติมเต็มจากเขา แต่ความถือดีในตัวทำให้เธอไม่หยุดการกระทำเหล่านั้นลง แถมยังไล้วนปลายนิ้วกับส่วนอ่อนไหวแล้วบดคลึงปลุกเร้าอารมณ์
“อืม…”
เจ้าของร่างขาวเนียนไม่ได้ละสายตาจากใบหน้าของคนตัวสูงที่จับจ้องกันอยู่ ความฉ่ำเยิ้มเพราะร่างกายที่พรักพร้อมทำให้ไม่เจ็บระคายยามเมื่อสอดปลายนิ้วเข้าไป กลับกลายเป็นความเสียวซ่านที่แล่นเข้าจู่โจม คริมาไม่แน่ใจว่าเพราะความกระสัน หรือเพราะสายตาอันร้อนแรงของคนตรงหน้าที่ทำให้อารมณ์ปรารถนาของเธอลุกโหมขึ้น แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด หญิงสาวยังคงค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปลึกขึ้น แม้ว่าจะมีดวงตาคมดุจดจ้องอยู่
“ฮะ…แฮก”
ลมหายใจคริมาหนักหน่วงยามเมื่อปลายนิ้วร้อนผ่าวค่อยๆ ขยับเข้าออกในความอ่อนนุ่ม เชื่องช้าและยั่วเย้า แล้วแปรเปลี่ยนเป็นถี่เร็วจนกายบางกระตุก
“อึก อื้อ!”
คริมาเม้มปากแน่นขึ้น พยายามกลั้นเสียงครางกระเส่า แต่ช่างยากเย็นเมื่อความเสียดเสียวและร้อนผ่าวของทั้งร่างราวกับมารวมกันตรงจุดกระสัน คนตัวเล็กอ้าปากครางปนหอบโดยไม่รู้ว่าท่าทางของตัวเองในสายตาของอีกฝ่ายเป็นอย่างไร เขาถึงได้จ้องด้วยแววตาเฉยชาเช่นนั้น ผิดกับเธอที่แค่ได้เห็นใบหน้าได้รูปนั้นร่างกายก็พลันร้อนผ่าวดั่งจะถูกเผาด้วยพิษรัก ในขณะที่ความกระสันซ่านเพิ่มขึ้นเพราะปลายนิ้วที่ขยับถี่และสอดลึก
ในที่สุดเสียงครางหวานหูก็หลุดลอดออกมาเมื่อความปรารถนามากล้นเกินจะกลั้น แม้กระทั่งปลายนิ้วก็ยังไม่อาจลดทอนความทรมานได้ ไม่นานนิ้วเรียวก็ถูกแทนที่ด้วยอย่างอื่นที่ให้ความรู้สึกดีกว่า เป็นความลื่นของเจลเย็นๆ และความนุ่มนิ่มของของเล่นที่เธอกดแทรกเข้าไปในโพรงกายอุ่น
“อา…”
คนตัวเล็กกระตุกเฮือกทันทีที่ส่วนนุ่มหยุ่นของของเล่นคับแน่นในกายบาง ศีรษะได้รูปแหงนเงยชิดหัวเตียงกว้างเพราะความร้อนรุ่มที่จู่โจมยามเสียดสี ยิ่งยามที่มือบางเริ่มขยับ ดวงตาฉ่ำหวานก็ปรือลงเพราะความเสียวซ่าน ก่อนครางเรียกชื่อคนใจร้ายอย่างเผลอไผล โดยไม่รู้ว่าการกระทำนั้นทำเอาความอดทนของคนมองเกือบสิ้นสุดลง
“อือ คุณคณิณขา...”
คณิณขบกรามแน่น จดจ้องการกระทำของเด็กอวดดีตรงหน้าที่แม้จะทรมานแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ยอมเอ่ยปากร้องขอจากเขา ข้อมือเล็กของเธอขยับไปมา บางจังหวะถี่เร็ว บ้างก็กระตุกเกร็งเพราะความทรมานร้อนรุ่ม น่าโมโหไม่น้อยที่เจ้าตัวทำได้ดีจนเป็นกลายเขาที่หงุดหงิดงุ่นง่าน โดยเฉพาะเมื่อมองกลีบกายสีชมพูค่อยๆ กลืนกินสิ่งนั้นเข้าไป…ของเล่นที่ตั้งใจเอามาใช้ทำโทษเธอ แต่กลายเป็นว่าคนทรมานราวกับถูกทำโทษนั้นกลายเป็นตัวเขาเอง
‘บ้าฉิบ!’
“ฮะ...แฮก”
ลมหายใจของคนบนเตียงติดขัดยามเมื่อของเล่นทำรักขยับเข้าออกเป็นจังหวะถี่กระชั้น คนตัวเล็กคงจะไม่รับรู้ถึงความทรมานของเขาเลย ถึงได้ยังเล่นกับส่วนนั้นโดยไม่ละสายตาไปจากเขา
ลมหายใจของคริมาเกือบขาดห้วงเมื่อเผลอจินตนาการว่านี่คือส่วนใหญ่โตของอีกฝ่ายที่โจนจ้วงเข้ามา ความคิดนั้นทำเอาเธอหนีบท่อนขาขาวแน่นรับความเสียวซ่านที่พลุ่งพล่านจนตัวกระตุก ผิวกายของเธอร้อนจัด ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นเพียงเพราะส่วนอ่อนไหวโอบรัดของเล่นในมือเธอ
“ฮะ…ฮึก คุณคณิณ”
คนตัวบางร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายพร้อมทั้งดันสิ่งนั้นสุดความลึก เชิดหน้าเรียวเมื่อทรมานแทบทานทนไม่ไหว สะโพกมนกระตุกเยือกจนแอ่นขึ้น ท่อนขาขาวหนีบแน่น พยายามต้านทานความอ่อนนุ่มที่ตอดรัดถี่ระรัวขึ้นจนอารมณ์พุ่งทะยานใกล้แตะฝั่งฝัน
“อ๊ะ…อ๊ะ”
แต่แล้วเสียงหวานก็หวีดขึ้นพร้อมกับที่ขาทั้งสองแยกกว้างราวจะสอดให้สุดลึก ลึกมากกว่านี้ ความวาบหวามทำให้เธอกัดริมฝีปากตัวเองไม่ให้เสียงครางเล็ดลอดพลางจิกปลายเท้าเรียวกับที่นอน ยิ่งส่วนอ่อนไหวตอดถี่เท่าไร ของเล่นในมือก็ยิ่งดันเข้าออกเร็วขึ้นเท่านั้น
“อ๊า!”
เพียงไม่นานกายบางก็กระตุกเยือก ปลดปล่อยน้ำหวานฉ่ำเยิ้มพร้อมกับลมหายใจแรง หญิงสาวทิ้งศีรษะกับหัวเตียงกว้างอย่างหมดเรี่ยวแรงขณะส่วนอ่อนไหวเต้นตุ้บ บีบรัดจนทั้งร่างเกร็งกระตุกไม่หยุด
แต่...ขึ้นชื่อว่าบทลงโทษ ทุกอย่างจึงไม่ง่ายดายอย่างที่คิด
“ใครสั่งให้หยุด”
“...”
ความมึนเมาของฤทธิ์แอลกอฮอล์ในกายสาวแทบจะหมดลงเมื่อได้ยินประโยคนั้น มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรคริมาก็ไม่อาจสลัดหลุดจากศีรษะ
‘ทราย’ ชื่อนั้นยังติดอยู่ในหัว พานให้เธออยากทำตัวอวดดีกับเขาอีกสักครั้ง
เจ้าของร่างเล็กไม่สนใจคนที่ขบกรามแน่นอยู่ตรงหน้า หญิงสาวเลือกจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้งแล้วค่อยๆ ยกสะโพกสูง นั่นคือจุดสิ้นสุดความอดทนของชายหนุ่ม เพราะสิ่งที่เธอควรกลืนกินมันเข้าไปคือตัวตนของเขาต่างหาก!
“อวดเก่ง!”
ร่างใหญ่หนาค่อยๆ ขยับเข้าใกล้คนบนเตียงราวกับราชสีห์จะล่าเหยื่อ กางเกงถูกถอดออกแล้วโยนทิ้งเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า เผยให้เห็นท่อนกายใหญ่โตที่เหยียดขยายจนชูชันและปวดร้าว ชายหนุ่มคุกเข่าคร่อมใบหน้าเล็กที่ไม่ได้เบี่ยงหนีสัมผัสของเขาแม้แต่น้อย เจ้าของใบหน้าสวยหวานนั้นยังคงมองอย่างถือดี
อวดเก่งและน่าตีอย่างที่เขาพูดไว้ไม่มีผิด!
ชายหนุ่มคำรามในลำคอเพราะความงุ่นง่านไม่ได้ดั่งใจ เพราะแทนที่หญิงสาวจะตื่นตระหนกกลับมีรอยยิ้มบางตรงมุมปาก ทั้งน่ามันเขี้ยวและน่าตีในเวลาเดียวกัน เขาแกล้งร่อนเอวให้ส่วนปลายหยักปัดผิวแก้มที่ยังคงเป็นสีแดงจัด ให้ตัวตนแข็งขึงหยอกเย้ากรอบหน้าสวยหวานก่อนจะหยุดลงตรงกลีบปากอวบอิ่ม
“อ้าปากสิ”
ออกคำสั่งเสียงเข้มดุพลางขยับส่วนปลายให้ถูไถอีก ใช้หัวเข่าทั้งสองกักคนตัวเล็กไว้ไม่ให้เปลี่ยนใจถอยหนี ก่อนจับปลายคางให้เข้ามาใกล้ส่วนร้อนผ่าวที่ปวดหนึบและรอคอยการครอบครอง เธอไม่ต่อต้าน ทว่ากลับเม้มริมฝีปากแน่นราวจะยั่วยุอารมณ์
คริมาจ้องคนตรงหน้าด้วยแววตาท้าทาย อวดเก่งอย่างที่เขาปรามาส แม้ภายนอกจะทำเป็นเก่งกาจ แต่แท้จริงแล้วหัวใจของเธอกำลังหวั่นไหวเพราะบางอย่างที่จ่ออยู่ตรงหน้า และเพียงเสี้ยววินาทีที่เผลอไผล เขาก็ฉวยโอกาสกดความแข็งกร้าวและร้อนผ่าวเข้ามาลึกในโพรงปากหวานของเธอ
“อา”
เจ้านายหนุ่มสูดปาก ส่งเสียงคำรามยามเมื่อปลายลิ้นเล็กแตะชิมส่วนหัวหยัก คณิณยอมรับว่าภาพแสนลามกตรงหน้าทำเอาความต้องการของเขาทะยานสูงจนแทบคลั่ง ท่อนกายเหยียดขยายจนร้อนผ่าว ปวดจนทรมาน ฝ่ามือใหญ่เปลี่ยนจากการลูบไล้ผิวแก้มลากไปยังลำคอ จับใบหน้าเล็กให้แนบชิดกับความใหญ่โตก่อนค่อยๆ ขยับสะโพกหนั่นแน่นเข้าออกรับกับจังหวะที่ปลายลิ้นแลบเลียอยู่กับส่วนนั้น ราวกับว่าถูกดึงดูดเข้าหากัน
“อืม...ดี”
เกิดเสียงคำรามทุ้มต่ำเพราะปลายลิ้นที่หยอกเย้าอย่างมีชั้นเชิง บางครั้งก็เนิบช้า บางครั้งก็ถี่เร็วจนเขานึกอยากกระแทกเข้าออกแรงๆ ให้สมกับความทรมาน ยิ่งเวลาที่เธอห่อริมฝีปากแล้วดูดดึงตัวตนเขา กายใหญ่ก็แทบจะระเบิด
“ฉันชอบลิ้นของเธอ”
คนตัวสูงชมหลังหญิงสาวตวัดลิ้นเลียส่วนปลายที่มีน้ำปริ่ม ความเสียวทำให้เขาต้องล็อกใบหน้าเรียวเล็กไว้ในอุ้งมือแล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ายคุมเกม โถมกายเข้าออกเป็นจังหวะดุดันและร้อนแรงพลางเสียงคำรามในลำคอเมื่อโพรงปากหวานตอบรับเขาอย่างดี
มันคับแน่นและอ่อนนุ่มเสียจนเขาแทบจะปลดปล่อยออกมา
คณิณเร่งจังหวะขยับสะโพก ยิ่งเสียวซ่านกายแกร่งก็ยิ่งกระแทกเข้าออกถี่เร็ว กระทั่งคลื่นอารมณ์พุ่งทะยานจนถึงขีดสุด แก่นกายร้อนผ่าวจึงถูกกระตุกออกจากโพรงปากร้อน แทนที่ด้วยฝ่ามือใหญ่รูดลงน้ำหนักกับความแข็งขึงที่ใกล้จะปลดปล่อย เพียงไม่นานสายธารสีขุ่นก็ซัดใส่ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอระหง
ภาพแสนลามกนั้นทำเอาคนตัวสูงกัดฟันจนกรามแกร่งเด่นนูนขึ้น ใบหน้าแดงจัดที่เปรอะเปื้อนด้วยคราบรักของเขายิ่งทำเอาคนตัวมองอยากจะรังแกเธอหนักๆ ให้ร้องไห้อยู่ใต้ร่าง แต่เสียงหายใจรวยรินพร้อมทั้งแผ่นอกที่กระเพื่อมเชื่องช้ากลับทำคนมองใจอ่อนยวบ จากที่คิดจะรังแกหนักมือก็เหลือเพียงโทษทัณฑ์ที่คาดไว้ แต่ไม่รู้จะมีโอกาสได้นำมาใช้หรือเปล่า
โทษทัณฑ์แสนหวานที่ว่านั้น สุดท้ายก็เป็นเขาที่ปรนเปรอมันให้เธอ
“ที่บอกว่าจะไม่ชอบฉันแล้ว...”
กายบางของหญิงสาวถูกรวบกอดและพรมจูบแผ่วเบา สัมผัสรุกเร้าแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนละมุนและหวานซ่าน ปลุกเร้าคนในอ้อมแขนด้วยความอ่อนโยน คณิณลูบฝ่ามือลงบนผิวแก้มทั้งสองข้างของคนตัวเล็กกว่า จูบเบาๆ ราวกับต้องการทดแทนคำบางคำที่ยังติดค้าง วนเวียนแตะชิมอยู่กับผิวกายหอมหวานนั้นด้วยความหวงแหนเต็มอก
“ที่บอกว่าจะหยุด...”
“...”
“ฉันไม่อนุญาต”
เขาไม่อนุญาตให้เธอทำแบบนั้น
ไม่อนุญาตให้หยุด...
ไม่อนุญาตให้มันน้อยลง...
เพราะสำหรับ ‘เขา’แล้ว ‘ความรู้สึกชอบ’ ที่ว่านั้นก็ไม่เคยลดน้อยลงเช่นกัน
เช้าวันอาทิตย์ที่ไม่สดใสของคริมาเริ่มต้นขึ้นด้วยการหนีออกมาจากห้องของใครบางคนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ศีรษะของเธอหนักอึ้งจากพิษของแอลกอฮอล์ที่ยังไม่สงบ เส้นประสาทของเธอเต้นตุ้บๆ ปวดจนหัวแทบระเบิด หญิงสาวทุบมือลงบนศีรษะตัวเอง หวังไล่ความปวดมึนออกไป แต่สุดท้ายก็พบว่ามันไม่บรรเทาลงสักนิด และเธอก็คิดว่าตัวเองควรห่างจากเครื่องดื่มประเภทนี้ไปสักพักด้วยเช่นกัน
ทำไมไม่มีใครเตือนว่าอาการแฮงก์ทรมานขนาดนี้ แถมพอหายเมาแล้วเหตุการณ์เมื่อคืนก็ไหลย้อนเข้ามาเป็นฉากๆ คริมาต้องยอมรับว่าพอฤทธิ์แอลกอฮอล์เจือจางลง ความใจกล้าและอวดดีของเธอก็พลันหายไปด้วยเช่นกัน ถึงอย่างนั้นความสับสนในใจกลับยังวนเวียนอยู่
‘ครีมไม่ชอบ ฮึก...ไม่อยากชอบคุณแล้ว’
ที่บอกออกไปตอนนั้นเธอไม่ได้โกหกแม้แต่น้อย คริมารู้ดีว่าความรู้สึกของเธอกำลังจะกลายเป็นเรื่องผิด เธอไม่ควรมีความรู้สึกนี้ให้เขา
‘ที่บอกว่าจะไม่ชอบฉันแล้ว ที่บอกว่าจะหยุด...ฉันไม่อนุญาต’
ทว่าคำพูดนั้นกลับสั่นคลอนความตั้งใจเธอ
เขาไม่อนุญาตแล้วอย่างไร ไม่ให้เธอหยุดชอบเขาแล้วอย่างไร ในเมื่อหัวใจของเขาไม่เคยมีที่ว่างสำหรับเธอตั้งแต่ต้น แล้วความรู้สึกเพ้อพกของเธอเพียงฝ่ายเดียวจะมีประโยชน์อะไร
มีแค่เธอที่รักเขาอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด
คริมาไม่ปฏิเสธว่าเหตุผลที่ทำให้เธอกล้าต่อกรกับเขาเมื่อคืนเกิดจากเจ้าของชื่อ ‘ทราย’ คนที่เขาถึงกับผละจากเพื่อนเพื่อออกไปรับโทรศัพท์ นั่นก็แสดงให้แล้วเห็นว่าเจ้าของชื่อคนนั้นสำคัญกับเขาแค่ไหน
‘คนสำคัญ’
แค่คิดเธอก็รับรู้ได้ถึงแรงบีบของหัวใจของตัวเองแล้ว เธอกำลังจะล้ำเส้นความสัมพันธ์ที่ตัวเองเคยขีดไว้ ความรู้สึกหวงแหนทั้งที่ไม่มีสิทธิ์ทำให้เธออับอายจนหน้าม้าน ทั้งที่รู้สถานะของตัวเองดี ทั้งที่เข้าใจทุกอย่าง แต่หัวใจของเธอกลับเจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว
คริมารู้ดีว่าในวันที่ ‘ตัวจริง’ ของเขาปรากฏ ตัวสำรองอย่างเธอจะถูกตัดออกจากชีวิตอย่างไม่ลังเล เธอรู้และเข้าใจดีทุกอย่าง แต่ก่อนที่วันนั้นจะมาถึงเธอขอแค่เรื่องเดียวได้ไหม
ช่วยบอกให้เธอได้รู้ตัวก่อน
เธอจะไม่ดึงดัน จะยอมเดินออกจากชีวิตของเขาง่ายๆ เพียงแค่เอ่ยปากบอกให้เธอเตรียมใจว่าวันนั้นใกล้จะมาถึงแล้ว
เธอขอแค่นี้จริงๆ
คริมาปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาเงียบๆ ไม่มีเสียงสะอื้น เธอไม่อยากเป็นแบบนี้ ไม่ได้อยากเสียใจเพราะเขากำลังจะมีคนรัก ไม่ได้อยากร้องไห้เพียงเพราะตัวเองกำลังจะสูญเสีย แต่เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะว่ารู้สึกมากไปเธอถึงต้องมานั่งรับผิดชอบความรู้สึกของตัวเองอยู่อย่างนี้
เธอจะทำได้อย่างไร
จะเลิกรักเขาได้อย่างไร
คนที่กำลังจ่อมจมอยู่ในภวังค์พลันต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงเคาะประตูห้อง ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นพี่ยิ้มขึ้นมาตาม แต่พอเปิดประตูออกมากลับกลายเป็นคนที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุด
“ทำไมไม่ลงไปทานข้าว”
คนถูกถามเม้มปากแน่น ความรู้สึกหลายอย่างประดังประเดเข้ามาหาจนเธอทั้งสับสนทั้งทำตัวไม่ถูก บางครั้งคณิณก็ทำเหมือนใจดี ทำเหมือนเป็นห่วง แต่บางทีก็ใจร้ายจนเธอเสียน้ำตา เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าผู้ชายที่ยืนตรงหน้าตอนนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่
เธอไม่ชอบเวลาที่เขาใจร้ายใส่ แต่หัวใจไม่รักดีกลับโอนอ่อนทุกครั้งเพียงเขาทำเหมือนห่วงใย แค่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ แต่เธอกลับเก็บเอามาคิดเป็นตุเป็นตะว่าตัวเองนั้นสำคัญ
‘น่าตลกสิ้นดี’
“ครีมยังไม่หิวค่ะ รู้สึกปวดหัวด้วยนิดหน่อย ครีมขอนอนพักอยู่บนห้องนะคะ”คริมารู้ดีว่าเธอกำลังพยายามหนี เธอยังไม่อยากเจอเขา ทว่าประตูห้องที่กำลังจะปิดลงกลับถูกคนตัวสูงดันไว้แล้วแทรกกายเข้ามา
คณิณจ้องหน้าคนตัวเล็กโดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำพูด กวาดตามองสำรวจก็เห็นว่าเจ้าตัวสวมเพียงเสื้อตัวโคร่ง แน่นอนว่ามันเป็นของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ฝ่ายคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าถูกเขาจับได้ก็ทำเพียงเสมองไปทางอื่น
‘ไม่น่าเลยครีม’
“ดื่มไม่เป็นก็ยังจะอวดเก่ง”
“...”
คำพูดใจร้ายทำเอาคนฟังต้องสูดลมหายใจลึกทั้งที่ขอบตาร้อนผ่าว คริมาพยายามแล้วที่จะข่มกลั้นความน้อยใจซึ่งกำลังจะเอ่อล้นอีกระลอก แต่ก็ไม่สำเร็จ ใบหน้าของเธอคล้ายจะแสดงความรู้สึกออกไปทุกอย่างหมดแล้ว
ถ้าเขาจะมาเพื่อต่อว่ากันถึงที่นี่ เธอขอไม่ฟังได้ไหม แค่ความเจ็บปวดที่เธอได้รับอยู่ตอนนี้ก็มากเกินรับไหวแล้ว
“โกรธฉัน?”
“เปล่าค่ะ คุณก็รู้ว่าครีมไม่มีสิทธิ์ทำอะไรแบบนั้น”
นี่ไม่ใช่คำพูดประชดประชัน แต่เป็นความรู้สึกจากใจของเธอจริงๆ เธอรู้ดีมาตลอดนั่นแหละว่าด้วยสถานะของตัวเองเธอควรยืนอยู่จุดไหน
“ครีม”
เสียงเรียกชื่อที่อ่อนลงนั้นไม่ได้ทำให้คนน้อยใจจับความรู้สึกคนพูดได้เลยสักนิด
“ขอครีมอยู่คนเดียวนะคะ”
“งั้นจะให้ยิ้มถือขึ้นมาให้ข้างบนก็แล้วกัน ฉันให้อุ่นใจทำซุปไว้ให้ กินเสร็จแล้วค่อยนอน”
“มะ...ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้องให้พี่ยิ้มยกขึ้นมาหรอกนะคะ”
เธอแค่ไม่อยากลงไปกับเขา ไม่ได้อยากทำให้คนอื่นต้องมาลำบากไปด้วยเสียหน่อย
“ถ้างั้นก็ลงไปทานข้างล่าง”
“แต่ครีม”
“จะลงไปดีๆ หรือว่าให้ฉันอุ้มลงไป”
ความคิดเห็น |
---|