
9
เธออาจคิดไปเองก็ได้
แต่พรำพรรษมักรู้สึกว่า...เวลามองผ่านผนังกระจกใสบานมหึมาในห้องนอนอาคเนย์ ดวงจันทร์ในห้องนี้จะดวงโตและสวยงามเป็นพิเศษ ไม่ใช่แค่พระจันทร์ แต่เหมือนท้องฟ้าก็พลอยสีสดขึ้น ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน
เหมือนกับตอนนี้ที่ท้องฟ้าดูเป็นสีน้ำเงินเข้ม สว่างด้วยดวงดาวกะพริบระยิบระยับ แถมด้วยแถบเมฆสีเทาเงินบางเบาที่เคลื่อนคล้อยผ่านดวงจันทร์เสี้ยวไปช้าๆ ดูเลื่อนลอย แต่ก็รับรู้ได้ถึงเวลาที่ค่อยๆ ไหลผ่าน...เวลาอันล้ำค่าที่ได้ทิ้งตัวอยู่ในอ้อมแขนของคนรัก มีอกอุ่นๆ แน่นมัดกล้ามให้หนุนนอนต่างหมอน และสัมผัสจากมือใหญ่ที่ยังลูบไล้หลังไหล่แผ่วเบาดุจปลอบประโลมให้คลายความเครียดและความเหนื่อยล้าสะสมจากการโหมทำงานอย่างหนักตลอดวัน
ผ่อนคลายจนอยากถูไถใบหน้า เกลือกกลิ้งแนบอกเขา ฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่ขวางกั้นกันและกันไว้ และ...เอ่อ...เดี๋ยวอย่าเพิ่งนะ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นเช้าไปทำภารกิจอื่นอีกนะยะหล่อน ใจเย็นยายพลัม อย่าเพิ่งรีบหื่น...
“พลัม...” อาคเนย์เอ่ยขึ้นเสียงเบา
“หือ?” พรำพรรษรับคำ น้ำเสียงง่วงงุน
“มืออย่าซน” ชายหนุ่มปรามเสียงแหบพร่าพร้อมกับเลื่อนมือมายึดมือบางที่เขี่ยนิ้วกับอกของเขามาสักพักแล้ว ดูเหมือนกล้ามเนื้อตึงแน่นนั้นจะดึงดูดเจ้าของนิ้วเล็กๆ นั้นให้เผลอลูบลากนิ้วอยู่ไปมา...ลากไล้จนมาเจอปุ่มนูนกลางอกเขา และก็วนเล่นอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน จนคนที่ตกเป็นเหยื่อมือน้อยแสนซนขนลุกไปหมดแล้ว
“อุ๊ย!” พรำพรรษเพิ่งรู้สึกตัว หญิงสาวดึงมือกลับมาพลางหัวเราะคิก ขำจนไหล่สั่น ความเคลื่อนไหวนั้นทำเอาคนที่นอนนิ่งเป็นเบาะให้เธอนอนหนุนแนบกันอยู่ทั้งตัวชักทนนิ่งอยู่ไม่ไหวแล้ว
“อุ๊ย!” พรำพรรษอุทานซ้ำอีกหน แต่คราวนี้เป็นเพราะรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่ยอมนิ่งเฉยอยู่ใต้ร่างอีกต่อไป แขนแข็งแรงกระชับอ้อมกอดพร้อมมือร้อนที่ตะปบบั้นท้าย ขยำความนุ่มนิ่มเต็มมือนั้นอย่างอดใจไม่ไหวจนร่างบางเข้าแนบชิดความแกร่งกร้าวที่ร้อนระอุทะลุเนื้อผ้า
คนที่โดนกดตรึงคลึงสะโพกแก้มแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่
“พี่อาร์ค...พรุ่งนี้...ต้องไปธุระนะ” พรำพรรษเตือนเสียงขาดห้วงและเบาหวิว แต่ไม่ได้มีความรู้สึกถึงการปฏิเสธอยู่ในน้ำเสียงนั้นสักนิด
“พี่ไม่ได้เป็นคนเริ่มนะ” อาคเนย์ตอบกลับมาเสียงหยิ่งๆ ไม่ยอมหยุดมือที่ปลุกเร้า มือเดียวของเขาเหมือนกลายเป็นหนวดปลาหมึกที่แตะตรงนั้นตรงนี้ไม่หยุดราวกับมีสักสี่ห้ามืออย่างนั้นแหละ
“เหรอ...นี่...หาว่าฉันเริ่มก่อนงั้นสิ” คนเสียงใสถามกลับ มีแววซุกซนปนความร้ายกาจในน้ำเสียง แถมความแสบของเธอยังไม่หยุดแค่นั้น เพราะมือเล็กเริ่มปัดป่ายไปตามเนื้อตัวเขาบ้าง
เรื่องอะไรจะยอมให้เขาเอาเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ เขาแตะต้องขยี้ขย้ำคนอื่นเป็นอยู่คนเดียวหรือไง
ซิกซ์แพ็กหกลูกแน่นๆ เต็มหน้าท้องแข็งๆ นั่นมีไว้ทำไม ถ้าไม่ได้มีไว้ให้เปิดเสื้อเขาขึ้นแล้วลูบไล้แสดงสิทธิ์เป็นเจ้าของ?
คนคิดหัวเราะคิกอีกทีเมื่อได้ยินเสียงสูดลมหายใจลึก สัมผัสได้ถึงความรัวเร็วของหัวใจคนใต้ร่างที่เต้นกระหน่ำแรงขึ้นเมื่อเธอลากมือเลื้อยต่ำลงไป...สอดลึกเข้าไป...
“ถ้าฉันเริ่มก่อน...มันต้องแบบนี้ต่างหาก”
พรำพรรษชะโงกตัวขึ้นมากระซิบชิดปลายคางของคนที่ลมหายใจเริ่มหอบกระเส่าตามจังหวะที่มือของเธอควบคุมอยู่ ตาคมดำจัดสองคู่สบกัน...แนบใกล้ คู่หนึ่งนั้นปรือด้วยอารมณ์ปรารถนา อีกคู่หนึ่งเป็นของนางมารร้ายที่ทอประกายขี้เล่นซุกซน จนคนสบสายตาอดไม่ไหวต้องรวบร่างเธอชิดเข้ามาอีกนิดเพื่อแนบริมฝีปาก ราวจะกลืนกินความร้อนรุ่มอ่อนหวานของหญิงสาวเข้าไป
ราวกับอยู่ชิดกันเท่าไรก็ไม่พอจริงๆ ริมฝีปากที่ประกบสนิทแนบแน่นนั้นจึงยิ่งทวีความเร่าร้อนนัวเนียกันจนแทบลุกไหม้ด้วยไฟอารมณ์ปรารถนา
“อย่าหยุดสิ...” อาคเนย์ประท้วงเสียงพร่าเมื่อมือเล็กที่กอบกุมความสุขของเขาไว้คลายออก
“อื้ม...พรุ่งนี้...ต้อง...” พรำพรรษเตือนเสียงเบา พยายามถอยหนีสัมผัสจากริมฝีปากร้อนที่เคลื่อนตามมาระนวลแก้มและแนวคางละมุน และส่งความรู้สึกซาบซ่านจวนจะเลยเถิด
อาคเนย์ไม่ได้ขืนดึงมือเธอไว้ แต่ร้ายกาจกว่านั้น เขาอาศัยจังหวะที่พรำพรรษคลายมือออกห่าง ลอกเสื้อนอนเธอดึงออกทางศีรษะแล้วโยนไป ตามด้วยกางเกงนอนตัวน้อยที่ลอยตามไปหล่นปุบนพื้นปลายเตียงเคียงคู่กันติดๆ ส่วนผ้าลูกไม้สามเหลี่ยมชิ้นจิ๋ว...เขายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้มันอยู่หรือไปดี มือร้อนจึงได้แต่เค้นคลึงจนมือเล็กของเจ้าของพื้นที่ส่วนตัวนั้นต้องรีบตะปบคว้าเอาไว้
“ฮื้อ...” หญิงสาวครางเสียงหวานสั่นเมื่อยิ่งห้ามเขายิ่งควานลึกเข้าไปเสาะหาความนุ่มละมุนในตัวเธอ ลูกไม้ชิ้นบางตัวจิ๋วที่ไม่อาจปกปิดเนื้อตัวหญิงสาวจากมือแกร่งร้อนได้ไม่ถูกดึงทึ้งหรือฉีกกระชากออกเหมือนเครื่องแต่งกายสองชิ้นแรก ส่วนช่วงบน...เพราะเขาเป็นคนเลือกเสื้อผ้าวางไว้ให้เธอเหมือนทุกที บราเซียร์คัปซีจึงไม่เคยมีอยู่ในชุดนอนของเธอตั้งนานแล้ว!
ความอวบอิ่มคู่นั้นเปิดเผยชัดใต้แสงจันทร์นวลละมุนที่ยิ่งเพิ่มความเย้ายวนให้แก่สัดส่วนที่เขาหลงใหลเข้าไปอีก มือใหญ่ตะปบเข้าครอบครองอย่างเอาแต่ใจและไม่ยอมเสียเวลาแม้สักวินาที
นอกจากเป็นเหยื่อมือร้อนที่คลึงเคล้นอย่างหนักหน่วงแล้ว ริมฝีปากเขาก็พลอยรุกรานจนร่างน้อยที่ถูกรุกหนักหอบสะท้านสั่นไหว
“พะ...พี่อาร์ค” พรำพรรษเรียกเขาเสียงสั่น เธอได้ยินเสียงครางคล้ายคำตอบรับในคอของคนที่กำลังกลืนกินทรวงอกเธออยู่ จึงเตือนเสียงเบาหวิวแผ่วระทวย “พะ...พรุ่งนี้เรามีธุระต้องรีบตื่นนะ”
“ฮืม...แล้วไง” อาคเนย์เงยหน้าขึ้นถามแบบคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มันลอยไปอยู่ที่ก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นในอุ้งมือที่เขาอยากแต่จะกลืนกินมันเข้าไปนั่น
“หมายความว่า...” พรำพรรษประคองสองข้างแก้มเขา บังคับให้เขามองสบตากันก่อนบอกไปอย่างไม่มีความขัดเขินใดๆ หลงเหลืออยู่อีกแล้ว “จะทำอะไรก็รีบๆ ทำเข้าจะได้รีบนอน ขืนช้าเดี๋ยวก็เช้าเสียก่อนหรอก”
พูดจบ...อย่างไร้ความโรแมนติกสิ้นดี พรำพรรษก็กระชากร่างหนักๆ เข้าหาตัว ตวัดเรียวขาเกาะเกี่ยวเขาเอาไว้ ขณะเลื้อยมือ ควานลงไปทำภารกิจร้อนรุ่มที่เธอทำค้างอยู่เมื่อครู่
เมื่อเนื้อผ้าลูกไม้ของแพนตีถูกแหวกออกความผ่าวร้อนก็จดใกล้ความฉ่ำหวาน หญิงสาวเกี่ยวขาเรียวกระหวัดสะโพกแกร่งแล้วออกแรงหยัดดันตัวขึ้นไปหา ขณะที่อาคเนย์ที่เพิ่งหายช็อกก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยกดร่างลงมา เบียดบดเข้าไปในทีเดียวแน่นลึกเกือบสุด
“ฮื้อ...” เสียงครางประท้วงจากคน ‘เริ่มก่อน’ ถูกปิดกั้นด้วยจุมพิตหนักหน่วงเร่าร้อนพอๆ กันกับจังหวะขับเคลื่อนเสียดสีกันของร่างกายทั้งสองฝ่ายที่ขยับปรับจังหวะระรัวแรงขึ้นๆ ราตรีร้อนเร่าราวจะลุกเป็นไฟด้วยอารมณ์พิศวาสอันชวนลุ่มหลงที่คนทั้งคู่มีต่อกันจนไม่อาจละมือละสัมผัสจากกันและกันได้
เนิ่นนานหลังจากนั้นพรำพรรษจึงค่อยคิดได้...อย่างอ่อนล้าว่าการบอกให้เขารีบเร่งนั้น...มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยสักนิด!
การเร่งเร้าเขากลับยิ่งกระตุ้นให้การกระแทกกระทั้นใส่กันนั้นหนักหน่วงรุนแรงขึ้น แถมเขายิ่งติดใจ ไม่ยอมจบลงได้ง่ายๆ อีกต่างหาก
‘ไม่คุ้มเลย...ไม่คุ้มเลยจริงๆ’
หญิงสาวคิดอย่างท้อแท้ ทอดถอนใจยามถูกพลิกคว่ำลง จากนั้นร่างหนักๆ ก็ทาบทับลงมา แขนแข็งแรงรวบสะโพกผายขึ้นสูงก่อนโน้มตัวลงแนบชิดหลังบาง ส่งเสียงครางสุดเซ็กซี่สะท้านอารมณ์ ทำเอาเธอพลอยใจแตกเตลิดเปิดเปิงตามเขาไปด้วย
พรำพรรษตอบสนองไปตามสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ที่ถูกห้วงกามารมณ์อันร้อนเร่าเข้าครอบงำ เคลื่อนไหวอิสระตามใจปรารถนา ตอบสนองต่อการเรียกร้องอย่างไร้การต่อรองของคนรักด้วยความร้อนแรงทัดเทียมกัน
ราวกับพายุอารมณ์โถมพัดพาเอาเงาเมฆลอยเคลื่อนหาย จนเหลือเพียงจันทร์เสี้ยวฉายแสงนวลกระจ่าง โอบละมุนอุ่นล้อมอารมณ์ของคู่รักไว้ให้อยู่ในโลกที่มีเพียงอ้อมแขนของกันและกัน โดยไม่สนใจดวงตะวันที่จวนเจียนแต้มแสงสีทองตรงเส้นขอบฟ้า
“เพลาๆ ได้ ก็เบาลงบ้างก็ได้ นะแม่นะ”
ดนตร์บ่นพึมพำให้รอยคิสมาร์กบนร่างเจ้านายขณะที่ปรายพยายามใช้คอนซีลเลอร์ถมกลบให้อยู่ แต่มันหลายจุดเกินจนน่ากลัวว่าเครื่องสำอางที่เตรียมมาจะไม่พอใช้
“รู้อยู่หรอกว่าข้าวใหม่ปลามัน แต่เล่นหนักจนต้องใช้คอนซีลเลอร์เป็นชามอ่างแบบนี้ก็ไม่ไหวมั้งจ๊ะคุณนาย” ดนตร์อดไม่ไหวแล้วจริงๆ ต้องจิกกัดกันต่อเนื่องด้วยเสียงแหบสุดเซ็กซี่
“นังปากจัด...ขอแช่งให้แกโดนผู้ชายคนล่าสุดนี้ทิ้งภายในสามวันเจ็ดวัน” พรำพรรษสาปแช่งเลขาฯ สาวสองของตัวเองไปพลางหาวไปพลาง
ท่ามกลางการจิกตีกันแก้ง่วงของสองเลขาฯ สาวและเจ้านาย ทั้งสามคนอยู่ในห้องแต่งตัวของพรำพรรษซึ่งต้องได้รับการ ‘เตรียมผิวเป็นพิเศษ’ หลังจากเจ้าตัวตื่นนอนขึ้นมาอย่างสะโหลสะเหล แล้วกรีดร้องแทบไม่เป็นภาษาในห้องน้ำไปรอบหนึ่งเมื่อเห็นสภาพตัวเอง จากนั้นก็ใช้มือสั่นๆ จิ้มไลน์ตามตัวสองเลขาฯ เข้ามาอย่างด่วนๆ เลย
ผลจากการเป็นฝ่าย ‘เริ่มก่อน’ ของเธอเมื่อคืนนี้ ทำเอาอาคเนย์ลืมตัวทิ้งร่องรอยมากมายไว้บนร่างเธอ
“ฉันว่าถ้ายังไม่เลิกฝากรักกันรุนแรงแบบนี้ คุณอาร์คควรไปเทกโอเวอร์โรงงานทำเครื่องสำอางแล้วเหมาเอาคอนซีลเลอร์มาไว้ให้เมียอาบแทบน้ำแล้วละ” ดนตร์ยังหยุดระรานไม่ได้ และรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีที่พรำพรรษขึงตาแรงๆ ใส่ ใครๆ ก็รู้ว่านางมารร้ายทำเรื่องร้ายกาจได้สารพัดเพื่อหาวิธีเอาคืนคนที่ทำให้เธออารมณ์เสีย
“ชุดของวันนี้ล่ะคะ คุณอาร์คไม่ได้เลือกไว้ให้เหรอ” การรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้นเป็นวิธีที่ทำให้นางมารร้ายลืมความแค้นได้ชั่วขณะ
พรำพรรษปากเบ้ ไม่อยากจะบอกว่าสามีตัวดียังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงยุ่งเหยิงอยู่เลยตอนที่เธอลุกขึ้นมากรีดร้องในห้องน้ำน่ะ พอหญิงสาวเงียบดนตร์ก็หันไปหาตู้เสื้อผ้าแบบบิวต์-อินใบใหญ่ที่แน่นเอียดไปด้วยเสื้อผ้าที่อาคเนย์สั่งมาให้พรำพรรษ แต่ยังไม่ทันเปิดตู้ ก็มีคนชะโงกหน้าเข้ามาส่องดูในห้องแต่งตัวเสียก่อน
เมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องยังอยู่ในชุดคลุมผ้าไหมเตรียมแต่งตัวในสภาพเรียบร้อยดี น้อยหน่าก็ยิ้มกว้าง เธอแต่งหน้าแต่งตัวอยู่ในชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว
“กำลังแต่งตัวอยู่เหรอคะ” เจ้าของเสียงใสถามน้องสะใภ้ด้วยดวงตาพราวระยิบรอยสนุกสนาน “ฉันช่วยเลือกชุดให้ไหม...เราจะได้ไปใน ‘ธีม’ เดียวกันไง”
...
สักพักใหญ่...สองสาวในชุดธีมเดียวกันแต่งตัวคล้ายกันราวกับฝาแฝดก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูห้องอาหาร ซึ่งมีอัคนีและอาคเนย์นั่งรอกินข้าวเช้าด้วยกันอยู่ที่โต๊ะ
หญิงสาวคนหนึ่งสูงโปร่งเพรียวดูปราดเปรียวแข็งแรงแบบนักกีฬา อีกคนตัวเล็กกว่า ดูบอบบางกว่า แต่ประกายวาววับในแววตาคมกริบคู่นั้นข่มขวัญผู้คนได้ผิดกับรูปกายอันน่าทะนุถนอม
สิ่งที่ทั้งคู่มีคล้ายกันคือความสวยจัด สวยกันไปคนละแบบ แต่ก็ทำให้แทบทุกสายตาในห้องนั้นหยุดที่พวกเธอ
อัคนีที่จดจ่อสมาธิสั่งงานกับลูกน้องสองสามคนอยู่หันไปมอง ชายหนุ่มผิวปากหวือใส่ร่างตรงหน้าที่ดูราวกับเปล่งประกายบาดตายิ่งกว่าทุกที ธรรมดาเมียเขาเป็นคนที่สวยมากอยู่แล้วนะ แต่วันนี้น้อยหน่าในชุดเสื้อครอปเอวลอยกับกางเกงยีนเอวต่ำอวดหน้าท้องสีน้ำผึ้งบ่มลมแดดแบบสาวสุขภาพดี ซึ่งมีซิกซ์แพ็กหกลูกสวยๆ อย่างคนเล่นกีฬาและออกกำลังกายหนักจนเอวคอดกิ่วนั้นมีกล้ามเนื้อลีนแน่นทั้งด้านหน้าและด้านหลังดูเซ็กซี่บาดตา
แถมถ้านั่นยังเซ็กซี่ไม่พอรอยบุ๋มน้อยๆ ตรงสะดือของเธอยังมีเพชรเม็ดเล็กส่องประกายจากจิวเอลรีที่ประดับอยู่ตรงรอยเจาะที่สะดืออีก
โอ้...เมียเขา...จะสวยเซ็กซี่ไปอวดใครนักหนาวะ
แค่ซิกซ์แพ็กที่ประดับอยู่บนหน้าท้องนั่นก็ทำเขาแทบอยากลงไปคุกเข่าต่อหน้าเธอแล้ว...จากนั้นก็แยกขาเธอยกขึ้น แล้ว...
เดี๋ยวๆ กลับมาโฟกัสที่เพชรตรงสะดือเมียเขาก่อน
อัคนีกวาดตาไปรอบตัวรอบหนึ่ง ความหึงหวงผุดขึ้นมารางๆ ก่อนพุ่งพรวดขึ้นมาจนหน้าแทบมืด แม้บรรดาผู้ชายทุกคนที่อยู่ในห้องจะมีแต่บอดีการ์ดของอาคเนย์ และพวกลูกน้องเขาที่ไม่มีใครกล้ามองจ้องตรงๆ ก็เถอะ
แต่ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าหากออกจากห้องนี้ไปแล้ว...
ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ใครมาจ้องซิกซ์แพ็กเมียเขาแน่ ถ้าปล่อยน้อยหน่าออกไปในสภาพนี้ รับรองเป็นอาหารตาไอ้หนุ่มทุกคนที่ต้องมองจนน้ำลายหกเหมือนเขาแหงๆ
“เมียใครเนี่ย สวยจริงวันนี้” อัคนีหยอดคำหวานไปก่อนพร้อมยื่นมือรอให้ภรรยาตายใจ เธอส่งยิ้มหวานบาดตาพร้อมเดินเข้ามาหา วางมือลงมาในมือใหญ่ที่แบรออยู่
“คุณก็...” น้อยหน่ากวาดตามองผู้ชายตรงหน้า อัคนีอยู่ในชุดเชิ้ตขาวเรียบกริบสวมทับด้วยสูทเนี้ยบสีเทาเข้มตัวหนึ่ง “หล่อมาก”
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า...แค่สลัดเสื้อยืดดำโกโรโกโสที่ราคาแพงรากเลือดของเขาตัวนั้นออกไปแล้ว คนตรงหน้าจะกลายเป็นหนุ่มมาดเนี้ยบหล่อลากดินได้ขนาดนี้!
อยู่ด้วยกันมาตั้งหกปี เพิ่งจะมีโมเมนต์แบบนี้มาให้เธอใจระส่ำประมาณ...สองครั้งถ้วน!
อีกทีนั่นก็ตอนวันที่จัดพิธีจดทะเบียนสมรสกันในปาร์ตีเล็กๆ ในสวนที่บ้านของอัคนี เชิญเฉพาะเพียงญาติผู้ใหญ่และคนสนิทของทั้งสองบ้านมาไม่กี่คนเท่านั้น
นี่...ถ้าไม่ใช่เพราะอัคนีโอนทรัพย์สินของเขาทั้งหมดมาไว้ในชื่อเธอทันทีที่แต่งงานกันแล้วละก็...บางทีน้อยหน่าก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าเขาหลอกพาเธอมาเป็นเมียลับหลบๆ ซ่อนๆ อะไรสักอย่าง
แต่นี่...ทั้งทรัพย์สิน บ้าน ที่ดิน ลูกน้อง รวมถึงรถหรูของเขาทุกคันนั้นมาอยู่ที่เธอหมดแล้ว...
ผู้ชาย ‘ป๋าหมาก’...นิสัยรวยที่เหลือแต่ตัวพรรค์นี้...คง...ไม่มีใครอยากมาแย่งกับเธอหรอกมั้ง
คนคิดเข้าข้างตัวเองค่อยโปรยรอยยิ้มหวานหยดให้เจ้าของทรัพย์สินที่เธอยึดมาเป็นของตัวเองหมดแล้ว น้อยหน่าแทรกนิ้วเข้าไปในผมที่แต่งทรงเสยเรียบดูเรียบร้อยจนผิดตานั้น ความหวงครอบงำเธอจนชักอยากจะยีให้มันยุ่ง ไม่ให้สาวไหนได้มาเห็นมุมหล่อเหลาละลายใจ เป็นแง่มุมที่ควรรู้กันอย่างลับๆ กับสมบัติที่เป็นของเธอคนนี้คนเดียว
เผลอคิดวุ่นวายใจไปแป๊บเดียวเท่านั้น อัคนีก็ถอดเสื้อสูทตัวนอกของเขาออกมา แล้วเอามาพันรอบเอวของน้อยหน่าในตำแหน่งสูงเหนือสะดือก่อนมัดปมเงื่อนตายพลางบอก
“ห้ามแกะออกนะ” คำสั่งเสียงเข้มมาพร้อมประกายตาเหี้ยมที่สาดรังสีอันตรายข่มขู่ชัดเจนนั้นทำเอาน้อยหน่าสะดุ้ง รู้สึกตัวขึ้นมาอย่างงงๆ เมื่ออัคนีย้ำอีกรอบด้วยเสียงดุๆ
“เสื้อครอปเดียวที่คุณจะใส่ได้คือ ‘เสื้อครอปกระเช้า’ เท่านั้น”
ครอปกระเช้า!? คืออะไรรรรร
ครือ...คอกระเช้าช่ะ!?
น้อยหน่ามองหน้าเขาเหมือนจะถามว่า...มุกอะไรของพี่เนี่ย...แต่สีหน้าดุดันและประกายตาจริงจังของอีกฝ่ายทำให้รู้ว่าไม่ใช่เวลาจะมาถกเถียง เขากำลังเดือดจัดอยู่เลยแหละ!
แหม...โมโหก็ไม่บอก รู้งี้ไม่เดินเข้ามาหาให้เขาจับตัวไว้หรอก
น้อยหน่าหน้าเบ้ขณะถูกดึงตัวให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ อัคนี หญิงสาวเหลือบมองไปทางพรำพรรษที่ถูกเธอจับใส่ชุดคล้ายๆ กัน ผิดแต่พรำพรรษสั่นหน้าให้กางเกงเอวต่ำจนผมกระจาย สุดท้ายหญิงสาวก็ควานมือเข้าไปในตู้หยิบกางเกงยีนที่เอวไม่ต่ำเกินไปมาตัวหนึ่ง แต่ก็ยังขัดเขินกับเสื้อครอปเอวลอยอยู่ไม่น้อย
ที่จริงคือ...พรำพรรษไม่ได้รังเกียจชุดนี้หรอกนะ เพียงแต่...เจ้าตัวกังวลกับร่องรอยที่สามีฝากเอาไว้เมื่อคืนต่างหาก ไม่รู้ว่าปรายลงคอนซีลเลอร์กลบไว้ได้หมดไหม ยิ่งตรงช่วงเอวนั้น มีจุดหนึ่งที่อาคเนย์ถึงกับฝังเขี้ยวฝากรอยฟันไว้ด้วยความมันเขี้ยวในห้วงเวลาที่ต่างคนต่างลืมตัวกันสุดๆ เมื่อคืนนี้
อืม...ไปพบพ่อสามีด้วยอาการสะโหลสะเหลไม่พอ ยังใส่เสื้อเอวลอยอย่างเฟียร์ซเลย แถมโชว์คิสมาร์กอย่างไม่ตั้งใจอีกต่างหาก
นอกจากเฟิสต์อิมเพรสชันจะไม่เหลือแล้ว...ภาพลักษณ์นักบริหารสาวเก่งลูกสะใภ้ผู้คู่ควรกับ ‘ลูกชายคุณพ่อ’ คงพังทลายไม่มีชิ้นดีแหงๆ
พรำพรรษแทบอยากกุมขมับ เพิ่งรู้ตัวว่าไม่น่าหลงเชื่อน้อยหน่าเลย ให้ตายสิ คงเพราะนอนน้อยไปหน่อยเลยสมองช้าไปนิด แถมยังหูเบาเชื่อนังดนตร์ที่ปรบมือชื่นชมด้วยสีหน้าปลื้มปริ่มอยู่ในห้องแต่งตัวเมื่อครู่
‘เฟียร์ซมากแม่! สวยฟาดมากเลยคุณพลัม ชุดนี้ผ่าน!’
ผ่านกะผีน่ะสิ!
หญิงสาวกวาดตามองดูภาพความเนี้ยบของอาคเนย์กับอัคนีสองพี่น้อง วันนี้อัคนีนั้นแต่งตัวดีเป็นพิเศษ เชิ้ตเรียบๆ ที่พับแขนขึ้นถึงข้อศอกหลังจากสลัดเสื้อสูทออกเอาไปห่อน้อยหน่าเอาไว้นั่นก็ดูดีชะมัด ทำให้เขาดูดีมีสกุลรุนชาติขึ้นมาสักสิบระดับได้
...แม้จะหล่อน้อยกว่าอาคเนย์ไปหน่อยหนึ่งก็เหอะ แต่ด้วยลุคนี้เมื่อมายืนคู่กันก็ทำให้ทั้งคู่ค่อยดูเป็นพี่น้องแท้ๆ ที่คลานตามกันมาขึ้นมาหน่อย สามีเธอนั้นไม่ต้องพูดถึง เขาสวมสูทหรูดูดีหล่อเซียะ ไม่มีเรตติงตกอยู่แล้ว
เมื่อประมวลผลจากความพิถีพิถันที่ชายหนุ่มทั้งคู่เตรียมตัวไปพบกับพ่อของพวกเขาแล้ว พรำพรรษก็ประเมินได้ในทันทีว่า ‘คุณพ่อสามี’ นั้นต้องเป็นคนเนี้ยบระเบียบจัดคนหนึ่ง ไม่งั้นอัคนีคงยอมไม่สลัดชุดโกโรโกโสสุดโปรดของเขามาสวมชุดที่ดูดีกึ่งพิธีการแบบนี้หรอก
แล้ว...นังดนตร์ก็ยังยุให้เธอใส่เสื้อเอวลอยไปเจอพ่อสามีอีก!
หน็อย...นังเลขาฯ ทรยศ แค่เธอโทร. จิกแต่เช้าตอนมันยังอยู่บนเตียงกับผู้ชายแค่นี้...
ใช่...ตอนเธอไลน์ไปแล้วไม่มีการอ่าน พรำพรรษก็โทร. จิกเข้าไปอีกรอบ คราวนี้เป็นเสียงผู้ชายไม่คุ้นหูรับสายก่อนส่งให้เธอคุยสายกับดนตร์ ท่าทางเธอน่าจะไปขัดจังหวะมัน... จนมันคิดแค้นหาทางแกล้งเธอแหงๆ
ดนตร์ต้องรู้ดีกว่าใครเรื่องโพรไฟล์ของพ่อสามีเธอ เพราะพรำพรรษเป็นคนสั่งให้ไปหาข้อมูลมาให้ แต่ยังไม่ทันได้ขอดู นาทีนี้ถ้าจะมีใครที่รู้เรื่องส่วนตัวของศาสตราจารย์ธันว์ได้เป็นอย่างดีจนสามารถวางยาเธอได้ก็หนีไม่พ้นนังเลขาฯ สาวสองจอมแสบเนี่ยแหละ
“ฉันว่า...ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า” พรำพรรษพึมพำขึ้น หมุนตัวเตรียมพุ่งไป กะจะไปหาชุดเรียบร้อยชุดแรกที่เปิดตู้เจอ แต่อาคเนย์ชิงคว้าข้อมือเธอไว้ก่อน
“ไม่ต้องหรอก...ไม่มีเวลาแล้ว อีกอย่าง ชุดนี้ก็ไม่ได้ไม่เรียบร้อยตรงไหนนี่” อาคเนย์พูดหน้าตาเฉยขณะถอดเสื้อสูทสีดำของตัวเองออกมาและคลุมให้หญิงสาว แถมติดกระดุมปิดไว้ให้อีกทีอีกต่างหาก มิดชิดเรียบร้อยยิ่งกว่าชุดสูทมนุษย์ป้าที่พรำพรรษเคยชอบสวมเป็นประจำในสมัยก่อนอีก
“พอเลย...ทำอย่างกะเอากระสอบมาคลุมกันชัดๆ ไม่เอา เดี๋ยวให้ดนตร์ไปหาเสื้อสูทให้ตัวหนึ่งละกัน อ้อ สองเลยเผื่อคุณน้อยหน่าด้วย” พรำพรรษบอกพร้อมกับปลดกระดุมที่เขากลัดไว้เต็มแผงออก
“งั้นก็คลุมไว้ก่อน แล้วรีบกินข้าวจะได้รีบไป สายกว่านี้พี่กลัวรถติด” อาคเนย์ไม่ยอมให้พรำพรรษถอดเสื้อคลุมออก ดึงดันให้สวมทับไว้พลางเลื่อนจานข้าวต้มทะเลที่ขนมาทั้งปลาหมึกสด กุ้งสด กุ้งแห้ง มาแบบเต็มชาม ตัวข้าวผ่านการปรุงมาเป็นอย่างดี ซุปหอมกรุ่น เสริมด้วยกระเทียมเจียวในน้ำมันสีทอง ผักโรย และพริกไทย ยิ่งทำให้เป็นจานอาหารเช้าที่ยั่วน้ำลายสุดๆ
“โหย...ฉันเพิ่งเคยเห็นข้าวต้มทะเลที่ใช้ปลาหมึกไข่ขนาดนี้นะเนี่ย” น้อยหน่ายื่นหน้าไปชื่นชมชามอาหารของคนอีกฟากโต๊ะที่ดูจะได้ข้าวต้มชามใหญ่กว่าเธอเสียอีก แถมอาคเนย์ยังเอาอกเอาใจภรรยาโดยการตักเบคอน ไข่คน และสลัดครีมข้นที่ดูไฮแคลอรีสุดๆ ใส่อีกจานหนึ่งวางรอไว้ พลางสั่งให้พรำพรรษกินทั้งหมดนั่นอย่าให้เหลือ
“ไอ้อาร์ค แกจะขุนเมียไปไหนวะ เตรียมพร้อมขนาดนี้ ตั้งท่าจะรีบมีหลานมาปิดปากคุณแม่ใช่ไหมเนี่ย” อัคนีถึงกับต้องทักขึ้นอย่างทนไม่ไหว พลางตักของอ้วนๆ มันๆ เหล่านั้นใส่จานให้น้อยหน่าบ้าง จนโดนหญิงสาวตีมือขึงตาใส่
แม้เธอจะไม่ได้ควบคุมอาหาร แต่ไอ้การตักยัดทะนานใส่ให้กันราวกับจะแข่งขันกับอาคเนย์ ด้วยเกมตักอาหารให้เมียใครกองใหญ่กว่าชนะอะไรเทือกนั้นมันใช่เรื่องไหม ขืนกินหมดนั่นไม่รู้ว่าต้องออกกำลังกายหนักๆ เพื่อเบิร์นทิ้งไปอีกเท่าไร
อาคเนย์ปรายสายตาขุ่นไปทางพี่ชาย นี่ถ้าไม่กลัวพรำพรรษเอะใจ เขาก็อยากจะหาอะไรขว้างไอ้พี่เวรตะไลแล้ว คนอุตส่าห์หาวิธีขุนเมียแบบเนียนๆ โดยพรำพรรษยังไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกบำรุงบำเรอด้วยอาหารไขมันสูงเพื่อเพิ่มความอวบอึ๋มเต็มไม้เต็มมือ พี่ชายเขาก็ดันมากระโตกกระตากซะได้
“ไม่ได้การละ คุณน้อยหน่า เราก็มาเปิดอู่กันบ้างดีกว่า เดี๋ยวไม่ทันไอ้อาร์คมัน” อัคนีหันไปชวนภรรยาด้วยท่าทางเหมือนอิจฉา หากน้องชายจะมีลูกแซงหน้าตัวเอง
“ไม่เอา” น้อยหน่าปฏิเสธหน้าตาเฉย ตักกุ้งคำโตในข้าวต้มใส่ปากเคี้ยวด้วยสีหน้าฟินก่อนซัดปลาหมึกเข้าไปเคี้ยวหนุบหนับในปากอีกคำ ขณะที่สามีตัวเองทำสีหน้าช็อก
ใครบ้างล่ะจะไม่ช็อก แต่งงานกันมาตั้งหกปี เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่มีทายาทกันเลยสักคน อุตส่าห์ชวนเธอแท้ๆ แต่แม่เจ้าประคุณปฏิเสธกันเฉยเลย
“ทำไมล่ะ” อัคนีถามเสียงแหบ ชักรู้สึกวูบไหวโหวงๆ ที่กลางอก...หรือเขาจะเป็นกรดไหลย้อนวะ
“คุณอย่ามาชวนมั่วๆ หน่อยเลย เห็นน้องพายลูกคุณวินนี่กับเกรย์น่ารักเข้าหน่อย ก็เห่ออยากมีกับเขาบ้างละสิท่า แล้วยังมาอ้างมั่วอีกว่าคุณอาร์คเขาวางแผนอยากรีบมี” น้อยหน่าทำปากเบ้ บ่นใส่สามี
“ทำไมไอ้อาร์คจะไม่อยากรีบมี ไม่เห็นเหรอว่าตั้งแต่มีเมียมันเลิกใช้รถสปอร์ต เปลี่ยนมาเป็นรถตู้คันใหญ่ เตรียมไว้ส่งลูกไปโรงเรียนแล้วเนี่ย” อัคนีเถียงคอเป็นเอ็น
“อย่ามามั่ว” อาคเนย์แย้งพลางขว้างผ้าเช็ดปากข้ามโต๊ะใส่อย่างทนไม่ไหวในความมโนหนักของพี่ชายจอมเพี้ยน “ไปเอาที่ไหนมาว่าฉันเปลี่ยนรถเพราะจะเอาไว้รับส่งลูกวะ”
“อ้าว ไม่งั้นแล้วทำไมเดี๋ยวนี้นายนั่งแต่รถตู้ล่ะ” อัคนีตะปบผืนผ้ามาไว้ในมือพลางถามอย่างสงสัย
ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่ช่วยกันเฝ้าระวังหลายชั้น ทำให้มีคนของเขาคอยรายงานตลอดแหละว่า น้องชายไปไหนมาไหนด้วยรถอะไร ทีมคุ้มกันแน่นหนาแค่ไหน มีบุคคลหรือรถต้องสงสัยในระยะไม่ปลอดภัยที่ดูเหมือนจะคุกคามหรือเปล่า
“ก็รถตู้มันกว้างดี รถสปอร์ตมันแคบ...ทำอะไรๆ ...ไม่ถนัด” อาคเนย์พูดหน้าตายเหมือนไม่มีนัยซ่อนเร้น แต่คนฟังหลายคนหูผึ่ง
“หืม...อืม...มีเหตุผลว่ะ” อัคนีทำตาลอยคิดภาพตาม แล้วก็พลอยจินตนาการบรรเจิดเปิดเปิงไปด้วย ถึงขั้นหันไปสั่งลูกน้องตัวเอง “ไอ้เกรท เดี๋ยวฉันกับคุณน้อยหน่าจะเลิกใช้รถสปอร์ตแล้วนะ แกเอาไปเทิร์นแล้วเปลี่ยนเป็นรถตู้สเปกแรงๆ แต่งภายในแซ่บๆ เอามาสักสี่ห้าคัน...โอ๊ย!”
เสียงของคนที่ความคิดเลยเถิดไปในทางชั่วร้ายร้องลั่นเมื่อโดนหยิกหมับเข้าที่สีข้าง
“กล้าขายรถสปอร์ตของฉันก็ลองดูสิ” น้อยหน่าเข่นเขี้ยวพลางหันไปจิกสายตาใส่ลูกน้องสามี...หมายถึงลูกน้องสามีที่เธอยึดมาเป็นของตัวเองด้วยประกายตาอำมหิตชนิดที่ผู้ชายตัวโตหน้าโหดยังตัวสั่น สั่นหน้ารีบบอกว่าไม่กล้าพลางถอยห่างออกมาจากรัศมีพิฆาตของหญิงสาวที่...ถ้าโกรธขึ้นมาแล้ว...โหดจนพวกเขาแทบต้องร้องขอชีวิต การระเบิดอารมณ์ของคุณน้อยหน่านั้นน่ากลัวโคตรๆ
...ปล่อยให้ลูกพี่เผชิญชะตากรรมไปเหอะ
ฝ่ายพรำพรรษก็หันมาจิกตาแรงใส่อาคเนย์ เมื่อย้อนคิดไปถึงตอนที่เขาหลอกล่อเธอให้ออกจากตึกพีเคกรุ๊ปไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เพื่อให้ทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้งและลักพาตัวเธอขึ้นรถตู้
ตอนที่ขัดแย้งกันในรถ เขาสั่งให้คนหยุดรถและไล่คนลงไปหมด ล็อกรถอยู่ด้วยกันลำพัง และข่มขู่ให้เธอยอมเปลี่ยนชุดที่เขาเตรียมไว้ให้...
หญิงสาวหรี่ตามองสีหน้านิ่งๆ ของสามีที่ไม่มีริ้วรอยใดๆ บ่งบอกว่าเขาร้ายกาจแค่ไหน แต่เธอค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่า ถ้าวันนั้นเธอไม่ได้โอนอ่อนผ่อนตามยอมเปลี่ยนชุดดีๆ ละก็...เขาคงไม่ลังเลที่จะทำมิดีมิร้ายเธอแหงๆ
คนคิดสูดลมหายใจหนาวเหน็บขึ้นมาเมื่อคิดได้ว่าเธอรอดพ้นจากฉากเลิฟซีนสะท้านอารมณ์ริมถนนท่ามกลางสายตาสอดรู้สอดเห็นของลูกน้องทั้งของเขาและของเธอมาได้อย่างเฉียดฉิวเพียงไร
หญิงสาวเริ่มเคาะโต๊ะรัวๆ พร้อมกับแววตาเจ้าคิดเจ้าแค้นที่ทอประกายร้ายๆ ทำเอาอาคเนย์ต้องรีบคว้ามือเธอไว้ หยุดการคิดแผนแก้แค้นที่น่าจะกำลังแล่นพล่านในสมองนางมารร้ายเอาไว้ก่อน
“สายแล้วรีบไปกันเถอะ” อาคเนย์ยิ้มสู้ประกายตาอำมหิตของภรรยา พลางกุมกระชับมือเธอไว้แน่นหนา ในฝ่ามือชื้นเหงื่อของตัวเอง
“ใช่ๆๆ ไป...บ้านพักอาจารย์ของพ่อกันดีกว่า” อัคนีร้องด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว เพราะเพิ่งแงะนิ้วเหี้ยมโหดของน้อยหน่าออกจากเนื้อตัวเองได้ ไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่าร่องรอยอำมหิตที่เธอทิ้งไว้บนตัวเขานั้นสาหัสขนาดไหน
เจ้าตัวจะรู้ไหมว่า...กรงเล็บหฤโหดแบบนั้นมันไม่ควรนำมาใช้กับสามีนะครับโว้ย!
ความคิดเห็น |
---|