
3
อมนุษย์สองร่างนั้นต่อสู้กันไปทั่วห้อง
ทั้งสองผลัดกันจู่โจมอีกฝ่ายด้วยมือ เท้า เข่า ศอก หรือแม้กระทั่งฟันแหลมๆ ของผีสาวที่อ้าปากกว้างจนแทบฉีกถึงหู เผยฟันที่กลายเป็นซี่แหลมๆ เหมือนฟันฉลามงับใส่คู่ต่อสู้ กัดกระชากจนเชิ้ตหลุดลุ่ยของผู้ชายคนนั้นฉีกขาด ต้องรักไม่ทันเห็นว่ามีชิ้นเนื้อหลุดติดออกมาหรือเปล่า เพราะทั้งคู่เคลื่อนไหวเร็วมากจนหมุนไปทั่วห้อง ทั้งเสา พื้น หรือแม้แต่เพดานล้วนแล้วแต่กลายเป็นที่รองรับอารมณ์อันบ้าคลั่งและเรี่ยวแรงอันเกินมนุษย์ของทั้งคู่ ต้องรักหมุนตามจนคอจะเคล็ด มองตามการต่อสู้กันด้วยความเร็วเหนือมนุษย์นั้นจนตาลายไปหมดแล้ว
ดูเหมือนทั้งคู่จะกำลังติดพันกับการเอาชนะอีกฝ่าย จนลืมให้ความสนใจไปว่าในห้องยังมีใครอยู่ตรงนี้อีกคนหนึ่ง
สุดท้ายหญิงสาวก็ตัดสินใจได้ว่า...
การไม่ได้รับการสนใจแบบนี้ก็ดีอยู่เหมือนกัน
ควร...ปล่อยทั้งคู่ให้โรมรันกันอยู่อย่างนี้ต่อไปแหละ เธอจะได้อาศัยจังหวะนี้...เผ่น!
ร่างเล็กของหญิงสาวตัวผอมบางในชุดเดรสสีหวานค่อยถอยห่างออกมาได้อย่างสะดวก
อา...ในที่สุดหลังจากเจอเรื่องซวยๆ มาทั้งวัน การหนีจากผีไปได้อย่างเนียนๆ นี้ถือเป็นโชคชนิดหนึ่ง...ละมั้ง
แต่ปัญหาที่ต้องรักมองข้ามไปคือ ทั้งคู่กำลังต่อสู้กันไปทั่วห้องด้วยความเร็วเหนือมนุษย์จนสายตาเธอไม่อาจจับความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ทัน
ดังนั้น...เมื่อถูกพุ่งเข้ามาใส่ในจังหวะที่เธอกำลังถอยหนีเนียนๆ นั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่หญิงสาวเชื่องช้าอย่างเธอจะหลบหลีกการจู่โจมนั้นพ้น
ใช่ค่ะ...โดนกระแทกอั้กเข้าให้!
ด้วยเรี่ยวแรงเหนือมนุษย์ที่แม้จะเป็นแค่การเฉี่ยวจากพวกเขา แต่สำหรับเธอ...สาวน้อยผู้บอบบางถึงกับซวนเซแล้ว ต้องรักตัวปลิวไปไกลหลายเมตร ซึ่งถ้ากระแทกเข้ากับผนังคงจะเจ็บมากๆ เลย แต่ไม่หรอก...
ที่มันไม่เจ็บก็เพราะ...ก็เพราะมันไม่มีข้างฝาไง!!
ด้วยความที่ยังสร้างไม่เสร็จ ผนังในส่วนที่ควรมีจึงไม่มี ไม่มีผนังกั้นขอบเขตของตัวตึกเอาไว้ด้วย จึงไร้สิ่งใดมายั้งการร่วงหล่นของหญิงสาวร่างบอบบางที่โดนลูกหลงจากการต่อสู้กันของสิ่ง…ที่ไม่รู้ว่าใช่สิ่งมีชีวิตมั้ย แต่ที่แน่ๆ คือไม่ใช่คนแหงๆ
ร่างผอมบางโดนชนจนกระเด็นหลุดออกจากตัวอาคาร
...หลุดลอย...ร่วงหล่น ตกตึก!
ใช้เวลาหลายวินาทีกว่าสาวน้อยจอมเบลอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
กว่าที่เจ้าตัวจะตระหนกและตระหนักได้ว่าต้อง...ต้องตกใจสินะ!
แต่ยังไม่ทันที่ต้องรักจะอ้าปากส่งเสียงอะไรออกมา อะไรอีกอย่างก็พุ่งวูบมากระแทกจนจุก การกระแทกนั้นไม่ได้ช่วยหยุดยั้งการหล่นของเธอ แต่กลับยิ่งเพิ่มความเร็วของการร่วงหล่นขึ้นไปอีก!
หล่น!
...หล่นโดยไม่มีอะไรมากั้น!
หล่น...จากตึกเกือบสิบชั้น!
กรี๊ดสิคะ รออะไร!?
“อ๊า!!...อุ๊ก!...อึ๊ก!...อื้อ!!!”
เสียงกรีดร้องของหญิงสาวยังไม่ทันสุดเสียง เธอก็ถูกตะปบอุดปากไว้ด้วยมือใหญ่กระด้างพร้อมเสียงคำรามหงุดหงิดอยู่ใกล้ๆ
“หนวกหู!”
และพอพยายามตั้งสติลืมตาขึ้นมาดู ก็พบว่ากำลังสบสายตากับอำพันสองก้อน...
ไม่ใช่สิ สิ่งที่อยู่ประชิดตาคือดวงตาสีอำพันคู่หนึ่ง
เป็นดวงตาสีน้ำตาลอมเหลืองที่ใสสว่างและเจิดจ้าของผู้ชายที่ต่อสู้กับปีศาจสาวอยู่เมื่อครู่ และดูเหมือนเขาจะโดนโจมตีจนกระเด็นตกลงมาด้วยอีกคน เดาว่าเขาคือเจ้าของแรงกระแทกเมื่อกี้แหงๆ ที่อัดเข้ามาจนเจ็บ แถมยังทำให้เธอตกเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก
ตก! หก! แหก!
แม่ตกแตกแล้วค่า!
ตายแน่ๆ แล้ว!
คุณพลัมช่วยด้วย!
ดูเหมือนว่าชื่อสุดท้ายที่คิดถึงนี่แหละที่ขลังสุดเพราะการตกกระแทกถึงพื้นนั้นไม่ได้ทำให้เจ็บปวดรวดร้าวราว ร่างแหลกเหลวเพราะพื้นคอนกรีตอย่างที่กลัว
เสียงตกดังหนักแน่น ร่างเด้งดึ๋งอีกนิดหน่อย พร้อมกับความเจ็บจุกลุกไม่ขึ้น หญิงสาวพลันรับรู้ได้ถึงแรงกระเพื่อมของวัตถุที่นุ่มกว่าพื้นคอนกรีต หยุ่นๆ รับแรงกระแทกได้ มีเสียงฟู่ของลมผสมกับเสียงผู้คนคุยกันฟังไม่ได้ศัพท์ มีเสียงอุทานตกใจก่อนเสียงฝีเท้าหลายคู่จะใกล้เข้ามา
ต้องรักกะพริบตาปริบๆ มองดูท้องฟ้ามืดดำที่มีดวงดาวประปรายและสูงเสียยิ่งกว่าสูง จันทร์เสี้ยวแขวนอยู่เหนือตึกร้าง และ...อาจเป็นอุปาทานที่หญิงสาวเห็นร่างหนึ่งในตึกที่ความมืดกลืนกินไปหมดแล้ว แต่เธอกลับยังสบตาได้กับ...ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี ร่างในชุดกระโปรง ผมยาวสยายยุ่งเหยิง ดวงหน้าเลือนราง แต่เห็นได้ถึงประกายตาวาววามมาดร้ายของอมนุษย์
อมนุษย์ที่ชนจนเธอตกลงมา แถมยังเหวี่ยงผู้ชายอีกคนลงมา...
‘เดี๋ยว!’
เจ้าของร่างกะปลกกะเปลี้ยฝืนความเจ็บปวดรวดร้าวพยุงตัวลุกขึ้นมานั่ง เหลียวมองหาอย่างงงๆ เพื่อพบว่าผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว!
บนพื้นผ้าใบโล่งกว้างที่หนาจากพื้นหลายเมตร เพราะสูบอัดลมเข้ามาเป็นเบาะลมขนาดยักษ์ที่ช่วยป้องกันอันตรายให้เธอจากการตกจากที่สูง บนพื้นที่หลายตารางเมตรนั้นนอกจากเธอแล้วไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่น...
สิ่งไม่มีชีวิตก็ไม่มีเช่นกัน ขอบคุณคุณพระคุณเจ้า
ความวุ่นวายค่อยๆ ทยอยเกิดขึ้นรอบตัว ผู้ชายหลายคนกำลังพยายามปีนขึ้นมาหาเธอที่นั่งงงอยู่บนเบาะลมขนาดใหญ่มหึมาอันหนึ่ง
เบาะใหญ่ๆ เหมือนที่เห็นเขาใช้กางแล้วเป่าลมเข้าไป เอาไว้วางดักในเวลาที่มีคนจะโดดตึกน่ะ
น่าจะเป็นหนึ่งในแผนสำรองของพรำพรรษ เจ้านายแสนโหดของเธอเห็นเขี้ยวๆ เหี้ยมๆ อย่างนั้นก็เหอะ แต่ที่จริงก็ไม่เคยปล่อยให้ลูกน้องอย่างเธอต้องไปเผชิญอันตรายจริงๆ สักครั้ง
พรำพรรษเป็นคนรอบคอบที่มองโลกในแง่ร้ายชนิดสุดๆ นั่นทำให้ในแต่ละครั้งที่ลงมือทำงานต้องมีแผนสำรองไม่ต่ำกว่าสิบแผน และแต่ละแผนสำรองก็ยังมีแผนสำรองแยกย่อยไปอีกไม่ต่ำกว่าสองสามแผนเสมอ เรียกได้ว่าทำงานกับพรำพรรษต้องมียี่สิบสามสิบแผนเป็นอย่างต่ำ และการตกจากตึกยี่สิบชั้นของเธอก็ไม่น่าจะอยู่ในแผนการ เห็นได้จากความตกอกตกใจของบรรดาทีมงานที่ป่ายปีนกันขึ้นมาพร้อมบอกต่อๆ กันไปว่า...
“ตกตึก มีคนตกตึก คุณต้องรักตกตึก”
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ” ทีมงานในชุดหมีสีเข้มคนหนึ่งเข้ามาพยุงพร้อมถามอย่างห่วงใย
เกือบ...ต้องรักเกือบได้ซึ้งใจอยู่แล้ว แต่มีอีกเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาเสียก่อน
“แกตกลงมาได้ยังไงหาไอ้ต้อง นี่ดีนะที่เขายังไม่เก็บเบาะลมน่ะ ไม่งั้นนะ...ฮึ่ม!” เสียงแหวของพรำพรรษดังทะลุทะลวงเครื่องมือสื่อสารออกมา
ดูเหมือนว่าอุบัติเหตุ ‘เล็กๆ’ ที่เกิดขึ้นจะรายงานไปถึงทางพรำพรรษอย่างรวดเร็วโดยไม่อาจปกปิดเอาไว้ได้
“ไหนบอกว่าผีมันไปแล้ว แกยังจะตกลงมาได้ยังไงอีกหา! รายงานมาเดี๋ยวนี้เชียวนะ ว่าไปทำอีท่าไหนถึงตกลงมาได้” เสียงเข่นเขี้ยวของพรำพรรษยังดังต่อเนื่องออกมาจากวิทยุสื่อสาร
“ต้อง...ต้อง...ต้องโดนผีผลักค่ะคุณพลัม” ต้องรักเอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาร่วงพรั่งพรูออกมาอีกครั้งพร้อมกับคำด่าไม่ซ้ำของพรำพรรษที่รัวออกมาจากเครื่องมือสื่อสาร
“ผีบ้านป้าแกเรอะ ผลักคนตกตึกน่ะ!”
ความคิดเห็น |
---|