
7
หลังจากหลับไปหลายชั่วโมง
สิ่งที่รอต้องรักอยู่เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้งคือ...ทิวทัศน์นอกหน้าต่างเครื่องบินที่...คุ้นๆ เนอะ
‘อา...สนามบินฮีทโธรว์ทำไมมันมีเกตหน้าตาเหมือนที่คว่ำจานอย่างกับสนามบินสุวรรณภูมิเลยล่ะ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคล้ายกันขนาดนี้ สงสัยคนออกแบบคงเป็นคนเดียวกันมั้ง’
ต้องรักพึมพำประสาคนมองโลกในแง่ดีและความรู้สึกช้า (ตามเคย) ก่อนจะพบว่า...บนเครื่องเหลือเธอเพียงคนเดียว
แอร์โฮสเตสมาเชิญเธอลงจากเครื่องกลับเข้าสู่ประเทศที่เธอเพิ่งออกมา เจ้าหน้าที่ส่งภาษาอันแสนคุ้นเคยมาให้ และผู้ที่รออยู่คือคนของอาคเนย์ซึ่งพาเธอขึ้นรถไปยังตึกร้างที่เกิดเหตุ ‘ผีผลัก’ เมื่อตอนพลบค่ำวันนี้
...
“ทำไม...ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ได้ลงคอวะ อะ...ฮือ...” ต้องรักที่ร้องไห้จนเสียงแหบแห้งถามซ้ำด้วยเสียงสะอึกสะอื้น
ดนตร์ได้แต่กลอกตามองบน ฝืนใจตัวเองสุดๆ ไม่ให้เอื้อมมือไปเบิ๊ดกะโหลกด้วยความรำคาญหลังจากปลอบจนไม่รู้จะปลอบอย่างไรแล้ว
‘รู้หรอกว่า...อ่อนหวาน อ่อนแอ แต่...จะมาร้องไห้ใส่กันเป็นวรรคเป็นเวรแบบนี้ก็ไม่ไหวเปล่าวะ’
ดนตร์คิดขณะสีหน้าเริ่มมีเค้ารอยหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว ความดำมืดค่อยๆ ครอบงำประกายตาสาวประเภทสองคนสวย
เดี๋ยวเหอะ...เดี๋ยวได้รู้กันว่าเห็นท่าทางเธอคีปลุคนางฟ้าใจดีแบบนี้น่ะ ถ้าแอ๊บหลุดปรี๊ดแตกขึ้นมา แม่ก็เกรี้ยวกราดได้ไม่แพ้นางมารตัวแม่แบบพรำพรรษหรอกนะยะ
คนสวย...ใช่ว่าจะใจดีรักเด็กไปซะทุกคนหรอกนะ จำไว้!
ที่ฝืนใจทำไปก็เพื่อรักษาภาพพจน์เอาไว้เท่านั้นแหละ!
คนคิดด้วยจิตมืดตบไหล่สาวน้อยเพื่อนร่วมงานแปะๆ ทั้งคู่นั่งอยู่บนรถสปอร์ตหรูสีดำของดนตร์ เป็นซูเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดที่หญิงสาวเพิ่งได้รับมาหลังการจองอันเนิ่นนานข้ามปี เป็นรถรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันที่ผลิตเพียงปีละไม่กี่คันเท่านั้น
แต่...ต่อให้รุ่นและราคาของรถจะพิเศษ หรือแพงระยับแค่ไหน ก็ไม่ส่งผลอะไรกับไฟจราจรตอนสี่ทุ่มของแยกในตำนานใจกลางเมืองเลยสักนิด
เครื่องหมายห้ามผ่านสีแดงสดนั้นยังคงค้างอยู่ตรงนั้นมา...จะเป็นชาติแล้วมั้ง
มันเป็นสภาพจราจรที่เป็นผลมาจากรถติดธรรมดาในวันศุกร์แห่งชาติ ผสานกับการฝนเทลงมาเมื่อครู่อีกหน่อย แค่นั้นก็ทำให้แยกทุกแยกในมหานครนี้หยุดนิ่งราวลานจอดรถ จนไม่มีใครไปไหนได้แล้ว
นั่นทำให้เธอต้องติดแหง็กในห้องโดยสารแคบๆ นี้กับต้องรักอยู่ตั้งเกือบค่อนชั่วโมงเข้าไปแล้ว
ติดอยู่กับ...อีนังผีร้องไห้ที่เฝ้าแต่คร่ำครวญสงสารตัวเองไม่หยุดไม่หย่อน!
มือเรียวสวยของดนตร์ที่ตบไหล่ปลอบใจอีกฝ่ายอยู่เมื่อครู่และยังคงลูบหลังปลอบประโลมอีกฝ่ายอยู่เบาๆ ค่อยๆ เกร็งขึ้นทีละนิด พร้อมกับความคิด...
‘ถ้า...จับหัวนังต้องโขกกับคอนโซลหน้ารถแรงๆ สักทีจนมันสลบไป เสียงร้องไห้คงหยุดและน่าจะสบายหูดีนะ’
นิ้วมือเรียวค่อยๆ พันเส้นผมสีน้ำตาลไว้ในอุ้งมือ เคลื่อนไหวแนบเนียนดุจงูค่อยๆ พันเหยื่อไม่ให้รู้ตัว ทว่ากรงเล็บที่กางออกเตรียมจิกหัวอีกฝ่ายชะงักไป เมื่อฉุกใจคิดขึ้นได้ในนาทีสุดท้าย...
เดี๋ยวสิ! ทำแบบนี้ไม่ดีแน่...
ถ้ากระแทกลงไป...เดี๋ยวคอนโซลหน้ารถก็เป็นรอยกันพอดีสิ!
ยายหนูลูกแม่เพิ่งออกจากโชว์รูมมาหมาดๆ ถ้ามีเลือดนังต้องมาแปดเปื้อน...มันต้องเป็นมลทินกับลูกสาวแม่ไปชั่วชีวิตติดเทอร์โบแหงๆ
ไหนจะระบบถุงลมนิรภัยอีก...ถ้าเอาหัวขี้เลื่อยแข็งๆ ของไอ้ต้องกระแทกแรงๆ เข้าไป เกิดระบบเซนเซอร์อันบอบบางน่าทะนุถนอมของรถเธอทำงานขึ้นและระเบิดเอาถุงลมนิรภัยออกมาจะไม่แย่หรอกหรือ...ถุงลมนิรภัยใบหนึ่งตั้งหลายหมื่น...
‘ไม่ได้ๆ’
ดนตร์เตือนตัวเองด้วยสติและความห่วงใย...ต่อรถคันใหม่ที่ถอยมาได้ยังไม่ทันครบสัปดาห์ เธอหดมือกลับมาช้าๆ ปล่อยปอยผมสีน้ำตาลไหลผ่านร่องนิ้วไป
หลังจากผ่านไปอีกสองไฟเขียวโดยไม่มีรถคันไหนได้ขยับตัว และยังคงมีเสียงสะอึกสะอื้นน่ารำคาญ คลอเสียงไวโอลินจากเครื่องเล่นชั้นดีที่เธอพยายามเปิดกลบเสียงร้องไห้ของต้องรัก ฉับพลันดนตร์ก็คิดอะไรบางอย่างได้ หญิงสาวเอี้ยวตัวไปคว้ากระเป๋าสะพายจากเบาะหลังมาเปิดดู ถอนใจอย่างโล่งอก ดีใจไม่ลืมเอาของนี้ติดตัวมาด้วย
“เลิกร้องไห้ได้แล้วย่ะ ไอ้ต้อง” ดนตร์บอกด้วยน้ำเสียงหลอกล่อ “ไม่มีใครทำลายวันหยุดแกหรอกนะ ดูนี่ซะก่อน” ดนตร์ชูเอกสารชุดหนึ่งขึ้นมาโบกสะบัดตรงหน้าต้องรักก่อนวางมันลงในมือของเลขาฯ เจ้าน้ำตา เธอเอื้อมมือไปเปิดไฟในรถ เพิ่มความสว่างให้ต้องรักได้เห็นชัดๆ ถึง ‘โบนัส’ ที่วางอยู่ในอุ้งมือเล็ก
มันเป็นเอกสารเดินทางชุดหนึ่งที่มีรายละเอียดเที่ยวบินทั้งไปและกลับ ที่พักและรายละเอียดปลีกย่อยอื่นอีก หนึ่งในปลายทางนั้นทำเอาต้องรักถึงกับทำตาโตใส่ น้ำตาหยุดไหลได้ในทันที
“เอดินบะระ!” ต้องรักตะโกนอย่างดีใจด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ช่าย...สกอตแลนด์ไง แกเคยบอกว่าอยากไปไม่ใช่เหรอ” ดนตร์บอกยิ้มๆ มองท่าทางตื่นเต้นยินดีของต้องรักที่พลิกดูเอกสารท่องเที่ยวซึ่งมีกำหนดการท่องเที่ยว ตั๋วโดยสาร และเอกสารจองโรงแรมของหลากหลายสถานที่และประเทศ ด้วยสายตาดิ่งลึกโดยเจ้าตัวไม่ทันได้สังเกตเพราะมัวแต่ดีอกดีใจอยู่
กำหนดการเดิมของเธอคือเมืองในประเทศอังกฤษแค่ไม่กี่ที่ ไม่มีสกอตแลนด์อยู่ในนั้น แต่นี่...เมืองเอดินบะระมาเป็นอันดับหนึ่ง จากนั้นก็หลายเมืองในอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี...โอ้ว...ดินแดนปราสาทในฝันทั้งนั้น...ต้องรักดึงเอาเอกสารท่องเที่ยวปึกนั้นมากอดไว้กับอก น้ำตาที่ปริ่มตา คราวนี้คือน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มยินดีสุดๆ
เห็นท่าทางสาวน้อยดีใจขนาดนั้น รอยยิ้มลึกลับก็ผุดที่มุมปากดนตร์ กึ่งหนึ่งคือ...ดีใจที่หยุดการร้องไห้กระอืดๆ ของเลขา รุ่นน้องลงซะได้ กับอีกความรู้สึกหนึ่งนั้น...อด...เวทนามันหน่อยๆ ไม่ได้
ถ้าเจ้าตัวได้รู้ถึงสถานที่และคนที่วางแผนกำหนดการให้เธอไป...ต้องรักต้องร้องไห้โฮหนักยิ่งกว่านี้เป็นแน่
เธอไม่รู้เหมือนกันว่าพรำพรรษมีข้อตกลงอะไรกับวิญญ์ไว้กันแน่
แต่เมื่อคืนก่อนนั้นหลังจากเรียกร้องเอาข้อมูลของวิญญ์จากทุกคนมาศึกษาอย่างละเอียดลออแล้วเคาะนิ้วครุ่นคิดแผนการร้ายอีกครู่ใหญ่ เจ้านายของเธอก็ให้คนไปเชิญรองผู้บริหารสูงสุดของวิชญ์วาโยเข้าไปพบเป็นการส่วนตัวที่ห้องประชุมเล็กห้องหนึ่ง โดยมีอาคเนย์ตามเข้าไปด้วย
ทั้งหมดปิดห้องคุยกันอยู่นาน เมื่อประตูห้องประชุมเปิดออก...ทีแรกดนตร์ก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าจะเป็นไปได้ การเปลี่ยนแผนการบินเอาผู้โดยสารหลายร้อยชีวิต บินวนไปมาบนน่านฟ้าหลายประเทศ...มันจะเป็นไปได้อย่างไร
แต่...การที่วิญญ์ยึดมุมหนึ่งของห้อง และโทร. จิกเรียกหาคนของเธอมาสั่งๆๆๆ อย่างจริงจังนั้น...ทำเอาเลขาฯ สาวสองลอบกลืนน้ำลายฝืดคอเมื่อเห็นว่าชักจริงจังจริงๆ เสียด้วย
ขณะที่พรำพรรษพอออกจากห้องมาก็เรียกหาคนมาประชุมเตรียมแผน...แผนที่จะบุกตึกผีสิงไปเจรจาให้ผีมูฟออนออกไปที่ชอบที่ชอบนั่นแหละ
แผนเอ แผนบี แผนซีถูกเซตไว้อย่างละเอียดลออ แผนการอันซับซ้อนสิบกว่าแผนถูกแพลนขึ้นมาและแจกจ่ายงานอย่างรวดเร็วโดยมีทีมเลขาฯ เช่นดนตร์และปรายกับลูกน้องอีกสามคนที่ดึงตัวมาจากพีเคกรุ๊ปซึ่งเคยคุ้นกับความบ้าพลังของนางมารร้าย จนรองมือรองเท้าเธอได้ไม่ขัดใจกันนัก
ประสิทธิภาพการทำงานของทีมงานพรำพรรษนั้นทำเอาศศินอ้าปากหวอ ยืนอึ้งตะลึงค้างอยู่ตรงนั้น ปึกกระดาษในมือแทบร่วงจนเขาต้องรีบตะครุบเอาไว้ กระดาษในมือของเขาคือ ‘งานแรก’ ที่พรำพรรษสั่งให้เขาทำ ให้หาพิกัดสถานที่ที่มีตึกว่างๆ อยู่ของอัคคีกรุ๊ปมาให้เธอเลือก
ระหว่างที่ชายหนุ่มยังไม่ทันรวบเอกสารตึกที่เหลือซึ่งพรำพรรษคัดออกกลับคืนมา นี่...หญิงสาว...เจ้านายสาว...นางมารร้ายสั่งงานใหม่ไปถึงแผนที่ยี่สิบแล้ว!
“นาย!” พรำพรรษหันมาชี้หน้าศศินที่เลิ่กลั่กอยู่แบบคนช็อกไปไหนไม่เป็น นางมารร้ายจิกสายตาใส่ขณะปรามาสไม่ไว้หน้า “ทำงานไม่สนุกเลย”
สีหน้า ‘อีหยังวะ’ ของเขาทำให้เจ้านายสาวจิปากใส่
“อย่าทำงานอยู่แค่หน้ากระดาษสิ โลกของนายเป็นกระดาษเอสี่หรือไงกัน เวลาดนตร์มันทำพรีเซนต์เตชันไปศาลแต่ละทีนะ โคตรอลังการดาวล้านดวงเลย ผู้พิพากษาศาลเยาวชนเห็นเป็นต้องน้ำตาไหลทุกคน”
พรำพรรษยกตัวอย่างชนิดที่ดนตร์ต้องขึงตาแรงใส่อย่างคนที่รู้แกวกันว่า
...นี่จะหลอกใช้ให้เธอสอนการทำงานให้ทนายของอาคเนย์ เพื่อให้ศศินอัปเลเวลสูงขึ้นมากพอจะวิ่งรับใช้ได้อย่างไม่ติดขัดใช่ไหมยะหล่อน!
แต่ก่อนที่ศึกของนางมารร้ายและลูกน้องจะปะทุเดือด อาคเนย์ก็แทรกเข้ามาตบไหล่ศศิน
“เห็นวิธีแล้วใช่ไหม” อาคเนย์ถามทนายส่วนตัวผู้ยังคงมีสีหน้างงงันปนพะอืดพะอม
ชายหนุ่มยิ้มกว้างให้ลูกน้อง ซึ่ง...ทำเอาบรรดาลูกน้อง บอดีการ์ด และผู้ช่วยของเขาตะลึงพรึงเพริดกันไปหมด
เพราะ...ร้อยวันพันปีเจ้านายผู้หน้านิ่งเสมอไม่เคยยิ้มให้ใครแบบนี้เลย...จริงๆ นะ
แต่นาทีถัดมาศศินก็นึกอยากร้องโหยหวน กลิ้งตัวลงร้องไห้กับพื้นจริงๆ เมื่ออาคเนย์เคาะนิ้วลงไปบนเอกสารที่เขากอดอยู่ในอก
“ตึกทั้งหมดนี้ เดี๋ยวนายประสานกับลูกน้องพลัมแล้วทำอย่างที่ทีมนั้นเขาทำนะ” ชายหนุ่มสั่งงานด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน สีหน้าไม่ซ่อนความสุขใจในความทุกข์คนอื่นไว้เลยสักนิด
ทำไมเจ้านายเป็นคนแบบนี้!
มันคือ...อีกด้านของเจ้านายมาดนิ่งลุคคุณชายที่โดนนางมารร้ายเข้าสิงไปแล้วใช่หรือไม่!!!!
“หยุดนะ!” เจ้าของเสียงแข็งๆ ที่หันมาห้ามปรามคือพรำพรรษ ที่แม้จะประชุมงานตัวเองอยู่อีกด้าน แต่ยังอุตส่าห์ใส่ใจแผนร้ายของสามีจนหันมายับยั้งไว้...ซะที่ไหนล่ะ!
“ขืนทำต่อเนื่องเดี๋ยวต้องรักมันก็รู้ตัวกันพอดีสิ รู้ไหมกว่าจะล่อหลอกให้มันทำงานได้แต่ละทีต้องวางแผนหลอกใช้มันขนาดไหนไม่ให้มันรู้ตัวน่ะ”
หือ!!!?? หลอกใช้กันมาขนาดนี้...นี่มันยังไม่รู้ตัวอีกเรอะ?
“นาย!” พรำพรรษหันไปชี้หน้าสั่งศศินที่สะดุ้งเฮือก ยังไม่ทันหายช็อกกับนายตัวเอง ก็โดนนายหญิงจิกใส่อีกแล้ว “เลือกเอาออกมาแค่ตึกที่ดอกเบี้ยวิ่งแรงๆ สักสองที่พอ เอาเข้าคิวไว้”
แน่นอนว่าต่อให้เงินทุนหนาเพียงใด แต่การซื้อตึกร้างทิ้งไว้โดยเข้าไปทำอะไรไม่ได้นั้น ดอกเบี้ยในแต่ละวินาทีที่วิ่งผ่านไปอย่างไรก็เป็นต้นทุนทั้งนั้น
“ยังไงก็ต้องให้ต้องรักมันไปพักตามที่สัญญา ไม่งั้นมันคงไม่ยอมให้หลอกได้อีกง่ายๆ แน่” พรำพรรษหันไปอธิบายกับอาคเนย์ ด้วยน้ำเสียงที่...ต่าง-กัน-อย่างเห็นได้ชัด
ทีพูดกะลูกน้องไม่เห็นทำเสียงหวานอย่างนี้บ้างเล่า
“ทริปนี้มันไปเที่ยวไหนนะดนตร์” พรำพรรษหันมาถามเลขาฯ คนสนิทที่ถอนใจนิดๆ ทำหน้าหน่ายหน่อยๆ
“อังกฤษ มันอยากไปลอนดอนอายส์ บริติชมิวเซียม กับอยากไปดูเมืองออกซฟอร์ดเพื่อวางแผนต่อโท ตบท้ายโปรแกรมด้วยร้านน้ำชาดีๆ อีกสี่ห้าร้าน”
สิ้นเสียงรายงานพรำพรรษก็มุมปากกระตุก สบตากับดนตร์โดยไม่ได้นัดหมาย แลกเปลี่ยนความคิดร้ายๆ ที่เข้าใจตรงกันระหว่างเจ้านายกับลูกน้องโดยไม่ต้องเอ่ยคำ
อุตส่าห์บินไปถึงอังกฤษ!
แทนที่จะวิ่งไปดักดูตามพระราชวังเผื่อเจอพรินต์อะไรสักองค์ เผื่อมีเหลือที่ยังโสดให้ได้อ่อยกันบ้าง นี่อะไร...นางจะไปกินน้ำชา เสียดายค่าเครื่องบินแทนจริงๆ พับผ่าสิ!
นังต้องเอ๊ย...นังต้อง ถ้าแกอยากดื่มน้ำชา...ไปหาเจียะเต๊แถวๆ เยาวราชยังมีหวังได้ลูกชายร้านทองมากกว่าเลยแกรรร...
“ไปอังกฤษเหรอ” อาคเนย์พึมพำขึ้นก่อนดวงตาจะสว่างวาบขึ้นมาเมื่อหันไปหาศศิน “ศศิน บ้านที่สกอตแลนด์หลังนั้นยังอยู่กับเราใช่ไหม”
“คุณอาร์คหมายถึง...” ศศินทำท่าครุ่นคิดก่อนถามเสียงเบา พลางกลืนน้ำลายฝืดคอ “ปราสาทผีสิงที่เราโดนหลอกขายมาหลังนั้นเหรอครับ”
ประมาณสองสามปีก่อนมีคนบอกขายคฤหาสน์ซึ่งเคยเป็นปราสาทโบราณในสกอตแลนด์ โดยให้เหตุผลว่าเจ้าของเดิมได้รับมรดกมา แต่ไม่อยากเสียภาษีมรดกและภาษีที่อยู่อาศัยซึ่งโขกราคามหาโหด จึงยอมขายแบบขาดทุนให้
แต่ที่ไหนได้ มันดันกลายเป็นปราสาทผีสิงในตำนานที่ไม่มีใครยอมซื้อต่อ แถมด้วยปัญหาเดิมๆ คือไม่มีผู้รับเหมาเจ้าไหนยอมเข้าไปในพื้นที่ก่อสร้างนั้นเลย
“ถูกเหมือนได้เปล่าขนาดนั้น โดนหลอกขายอะไรกันเล่า” อาคเนย์บอกด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัดขัดกับสีหน้าของศศินที่มองหน้าเจ้านายราวกับถูกผีหลอก
ไม่จริง!
ทุกครั้งที่มีคนเอ่ยถึงคฤหาสน์ผีสิงที่ถูกหลอกขายหลังนี้ดวงตาของอาคเนย์จะมีรอยกริ้วโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแลบ แม้แต่ในน้ำเสียงอันเย็นเยียบก็มี ไม่มีเสียละที่เจ้านายจะเฉยชิล สนุกสนานได้แบบนี้น่ะ
ความโกรธของอาคเนย์เป็นเรื่องที่...ทุกคนรู้ โลกรู้ กระทั่งไอ้คนที่หลอกขายคฤหาสน์หลังนี้ยังรู้เลย เพราะอาคเนย์ระบายความโกรธด้วยการใช้ทุกเส้นสายตามรังควานมันอย่างลับๆ ให้เจอความย่อยยับ ทั้งการงานและครอบครัว ไอ้หมอนั่นก็แสบพอตัว เพราะนำความฉิบหายส่วนบุคคลนั้นไปเที่ยวปล่อยข่าวว่าคฤหาสน์หลังนั้นมีอาถรรพ์ เห็นไหมว่ามันสร้างโชคร้ายให้แก่เขาขนาดไหน
การพรีเซนต์ชีวิตแสนรันทดของนายหน้าขายบ้านยิ่งทำให้ส่งต่อคฤหาสน์หลังนั้นยากเข้าไปอีก จนไม่เหลือแง่มุมไหนให้เจ้านายสบายใจยามพูดถึงที่นั่นอีก...จนบัดนี้เนี่ยแหละ!
“นายไปจองตั๋วซะนะ จองที่พักและเซตทีมขึ้นมา เดี๋ยวพอเคลียร์ทางนี้เสร็จจะได้ให้ต้องรักไป...” อาคเนย์เกือบหลุดคำว่า ‘ไล่ผี’ ออกมา แต่ยั้งไว้ได้ทัน เลี่ยงไปใช้คำในความหมายชักจูงใจกันมากกว่า
“พักร้อน...ใช่ พักร้อนที่นั่น อ้อ...ฉันเพิ่งนึกออก นานแล้วที่พวกนายไม่ได้พักร้อนเลยเหมือนกันนี่นา เดี๋ยวก็จองตั๋วเผื่อตัวเองพร้อมทีมงานด้วยกันเลยนะ”
อาคเนย์สั่งงานด้วยสีหน้ามีความสุข ยามนึกถึงตอนคนพวกนี้ยกโขยงกันไปเจรจากับผีที่สกอตแลนด์ก็พบว่า...เขาว่ามันคุ้มกับค่าคฤหาสน์แล้วด้วยซ้ำ!
ยิ่งถ้าให้เจ้าพวกนี้ไลฟ์มาให้ดูคง...สนุกเป็นบ้า!
คนเป็นเจ้านายอมยิ้ม นัยน์ตาพราว ไม่สนเลยสักนิดว่าศศินจะหน้าซีดเผือดลง เหงื่อแตกพลั่ก ทำท่าเหมือนจะเป็นลม ขณะที่...พวกบอดีการ์ดที่เดากันได้ว่า ‘ทีมงาน’ ที่เจ้านายเอ่ยถึงนั้นคงไม่พ้นพวกตนได้แต่สั่นหน้าและพากันถอยกรูด แต่ละคนล้วนมองตากันเลิ่กลั่ก คิดตรงกันจนอยากตะโกนออกมาเหลือเกินว่า...
ต้องรัก! หนีไป! หนีไป! อย่าให้ใครจับได้เชียวนะ หนีไป!!!
ความคิดเห็น |
---|