
12
ห้องอาหารเรือนกระจกกลางทุ่งหญ้าเงียบสงัด ท่านเรืองศักดิ์จิบกาแฟไปพลางอมยิ้มไปพลาง ลอบมองลูกชายกับลูกสะใภ้นั่งเหม่อลอย ขอบตาดำคล้ำเหมือนอดหลับอดนอนทั้งคืน คงจะผ่านศึกครั้งยิ่งใหญ่มานั่นแหละ ชายชราคิดในใจว่าคงเป็นผลมาจากยาปลุกกำหนัดเจ็ดพยศที่เขาสั่งซื้อมาเมื่อวานนั่นเอง
หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วเมื่อคืนจิรฉัตรนั่งสวดมนต์ นั่งสมาธิอยู่ในห้องพระทั้งคืนจนถึงเช้า เขาต้องใช้ความพยายามอย่างหนักหน่วงกว่าที่จิรฉัตรน้อยจะกลับมาอยู่ในสภาพปกติ
ส่วนทางด้านริศาก็นอนไม่หลับเช่นกัน มีอาการร้อนๆ หนาวๆ ปรากฏขึ้นเป็นพักๆ รวมไปถึงสภาพจิตใจของเธอนั้นเขินอายเกินกว่าจะข่มตาหลับได้ หญิงสาวดิ้นไปมาอยู่บนเตียงตลอดทั้งคืน
“วันนี้จะกลับกรุงเทพฯ กันแล้วสินะ”
ท่านเรืองศักดิ์พูด นึกในใจว่าอีกไม่นานคงได้อุ้มหลานตัวน้อยๆ คลายเหงา
“ครับ มีงานต้องเคลียร์อีกเยอะเลย ว่าแต่พ่ออยู่คนเดียวได้หรือเปล่า”
จิรฉัตรถาม นึกเป็นห่วงกลัวว่าผู้เป็นบิดาจะมีอาการซึมเศร้ากำเริบขึ้นมาอีกหากต้องอยู่เพียงลำพัง
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว แกกลับไปทำงานเถอะ”
จิรฉัตรพยักหน้าเบาๆ แล้วหันไปคุยกับภรรยา “ถ้าอย่างนั้นเราทานมื้อเช้าเสร็จแล้วเดินทางกลับกันเลยไหม”
“ค่ะ” ริศาขานรับ พวงแก้มยังเป็นสีแดงระเรื่อ ไม่กล้าสบตาคนถามตรงๆ
เธอนึกภาพริมฝีปากสวยของเขาบ่อยเกินไปแล้ว!
รถของจิรฉัตรและบอดีการ์ดจำนวนหกคันเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์โบราณตอนสาย แสงแดดอ่อนๆ กระทบตัวอาคาร มองแล้วไม่รู้สึกเงียบเหงาเหมือนกับวันแรกที่มาถึง ริศาเสียดายนิดๆ ที่ต้องจากที่นี่ไป ยอมรับว่าเธอชอบสถานที่ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติแบบนี้มากกว่าตัวเมืองที่มีผู้คนแน่นขนัด
ทว่าพอเหลือบมองหนุ่มหล่อผู้ทำหน้าที่ขับรถอยู่ข้างๆ เธอถึงได้ตระหนักว่าความจริงแล้วเธอชอบทุกที่ที่มีเขา แม้อารมณ์ของเขาจะไม่คงที่ แปรปรวนอยู่เสมอ แต่เธอก็ชอบเขา
ชอบที่เขาทำให้ชีวิตของเธอไม่น่าเบื่อ
ริศาน่ะชอบความรู้สึกที่เหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ในท้องที่สุดเลย!
“มองอะไร”
จิรฉัตรถามโดยไม่ละสายตาจากถนนเบื้องหน้า หลังจากรู้สึกได้ว่าคนข้างๆ จ้องเขานานแล้ว
“มองคนหล่อค่ะ”
ริศาฉีกยิ้มกว้าง แล้วเอนหลังพิงพนักปล่อยกายปล่อยใจให้สบาย ดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ จากแผ่นเสียง หญิงสาวไม่ทันได้เห็นว่าชายหนุ่มที่เธอชื่นชมนั้นใบหูขึ้นสีแดงขนาดไหน มือหนาเร่งเครื่องปรับอากาศให้แรงขึ้นกลบความร้อนรุ่มภายในใจ
ให้ตายสิ ร้อนไปหมดอีกแล้ว!
จิรฉัตรส่งริศาที่คฤหาสน์จินดามหาศักดิ์ และกำชับให้เป้ดูแลเธอให้ดีๆ อย่าปล่อยให้ออกไปไหนมาไหนคนเดียวอีก จากนั้นตัวเขาก็ตรงไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านไฮโซ เหตุผลที่เขามาที่นี่เป็นเพราะเมื่อเช้าเปิดปฏิทินดูและเห็นว่าวันนี้เป็นวันเกิดของรสา
แน่นอนว่าต้องเป็นวันเกิดของริศาด้วยเช่นกัน
เมื่อนึกถึงภรรยาตัวจริง จิรฉัตรก็ได้แต่เป็นห่วง ตั้งคำถามกับตัวเองว่าป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง พักที่ไหน รับประทานอะไร มีเงินใช้ไหม ขัดสนหรือเปล่า หากเขาอยู่กับเธอเขาคงซื้อเครื่องเพชรและของแบรนด์เนมเป็นของขวัญวันเกิดให้ไปแล้ว
ทว่าปีนี้คนที่เขาต้องหาซื้อของขวัญวันเกิดให้คือริศา ผู้มีสถานะเป็นน้องสาวของภรรยา เท่าที่อยู่ใกล้ชิดกับหญิงสาวมา ชายหนุ่มฟันธงได้เลยว่าเธอไม่ใช่คนทะเยอทะยานฟุ่มเฟือย ของที่เธอชอบคือดอกไม้ และนิสัยที่เหมือนเด็กนั่นคงเดาได้ไม่ยากว่าต้องชอบเค้กและกล่องของขวัญที่ผูกโบน่ารักๆ แน่
แล้วเขาควรซื้ออะไรให้เธอดีล่ะ
จิรฉัตรยืนมองเค้กที่วางเรียงรายอยู่ในตู้โชว์ของร้านแห่งหนึ่งกลางห้าง ในนั้นมีเค้กครีมสีชมพูกับสตรอว์เบอร์รีประดับหน้าแบบฝรั่งเศส และเค้กพุดดิงช็อกโกแลตชั้นเลิศจากเบลเยียม ดวงตาคมดุเหล่ซ้ายขวาสลับกันไปมา เลือกไม่ได้สักที คิดหนักจนคิ้วเข้มแทบจะชิดติดกัน พนักงานในร้านได้แต่ยืนยิ้มส่งกำลังใจให้เขาเลือกได้ในเร็วๆ นี้
“ฉันว่าเค้กช็อกโกแลตน่ากินกว่า”
จิรฉัตรพยักหน้าเห็นด้วยกับเสียงกระซิบข้างหู ก่อนจะสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขามาคนเดียว ไม่ได้ชวนใครมาเป็นเพื่อน ชายหนุ่มหันไปมองเจ้าของเสียงกระซิบด้านหลัง พบกับบุรุษร่างสูงหุ่นนายแบบ หน้าตาดีชนิดที่ว่าเทียบดารานายแบบได้ ทว่าแฝงความดุและหน้าไม่รับแขก
“ไอ้ชัช!”
จิรฉัตรร้องลั่น แปลกใจเมื่อเห็นคู่ปรับของตัวเองมาโผล่ที่นี่โดยไม่มีการ์ดร่างใหญ่ตามประกบ ในงานศพท่านดิลกเขาจำได้ว่าแขกท่านอื่นในงานคุยกันสนุกปากว่าหมอนี่หนีไปเมืองนอกแล้ว
“ทำหน้าอย่างกับเห็นผี ฉันหล่อขนาดนี้แกจะตกใจทำไม”
ชัชวาลกอดอก สีหน้ายียวนกวนบาทานั่นเป็นเครื่องยืนยันว่านี่ไม่ใช่ตัวปลอมแน่นอน
จิรฉัตรกระตุกยิ้มมุมปาก
“ออกจากสมาคมไปแล้วก็เหิมเกริมเลยนะแก ทีเมื่อก่อนยังเรียกฉันคุณฉัตรอยู่เลย”
“คำว่าคุณไม่เหมาะกับชื่อแกเท่าไหร่ ต้องเปลี่ยนเป็นไอ้ฉัตรสิ”
ไอ้ฉัตร...ฟังดูแปลกๆ ชอบกล
“ว่าแต่วันตายใครเหรอถึงมาซื้อเค้ก”
“ปากเสียนะแก” จิรฉัตรมองตาเขียว “วันเกิดเมียฉันต่างหาก”
“อ้อ เดี๋ยวนี้ติดเมียจนไม่ไปเที่ยวคลับเลยนะ”
ชัชวาลค่อนแคะ นึกถึงสมัยก่อนที่มักจะเจอจิรฉัตรที่ไนต์คลับเป็นประจำ รายนี้น่ะหิ้วสาวกลับไปเป็นโขยง ทว่าพักหลังมานี้สาวๆ ที่คลับบ่นว่าคิดถึงพ่อเสือป่าคนนี้ใจจะขาด เจ้าของไนต์คลับอย่างเขาก็ทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา
“ไปไหนก็ไป เหม็นขี้หน้า”
จิรฉัตรโบกมือไล่โดยที่สายตากลับไปจับจ้องเค้กที่เล็งไว้อีกครั้ง คนถูกไล่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ขายาวก้าวผ่านคู่แข่งไปเงียบๆ
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครมากวนใจแล้วจิรฉัตรก็ตัดสินใจเลือกเค้กช็อกโกแลตใส่กล่อง พร้อมกับเลือกซื้อเทียนลายน่ารักๆ หลากสีติดมือมาด้วย เพียงแค่นึกถึงรอยยิ้มของคนที่บ้านว่าจะดีใจขนาดไหนยามถูกเซอร์ไพรส์วันเกิดเขาก็เผลออมยิ้ม สาวๆ โดยรอบหน้าแดงเขินรอยยิ้มนั้นกันเป็นแถว
ของขวัญวันเกิดสำหรับริศาไม่มีทางจบลงที่เค้กเพียงก้อนเดียว จิรฉัตรเดินไปนึกไปว่าจะซื้อของขวัญวันเกิดเป็นสิ่งใดให้เธอดี ระหว่างเดินผ่านหน้าร้านนาฬิกายี่ห้อดัง สายตาคมกริบเหลือบเห็นไอ้คู่ปรับคนก่อนหน้ายืนเลือกนาฬิกาในตู้โชว์อยู่ จิรฉัตรเบ้ปากไม่พอใจที่เห็นหน้าอีกฝ่ายเป็นครั้งที่สองของวัน เขารีบสาวเท้าไวขึ้นแต่แล้วก็ชะงักกึกแล้วประมวลความคิด
เรื่องผู้หญิงต้องวิ่งไปถามไอ้ชัชสิถึงจะได้เรื่อง
จิรฉัตรหันมองชัชวาลอีกครั้ง ดูเหมือนรายนั้นจะยังไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกเพ่งเล็ง ชัชวาลทำธุรกิจมืดมามากมาย งานที่ต้องใช้ผู้หญิงมีอยู่มากโข ดังนั้นเขาจึงต้องคลุกคลีอยู่กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา แน่นอนว่าต้องเข้าใจหัวอกผู้หญิงเหล่านั้นเป็นอย่างดี
ว่าแล้วจิรฉัตรก็ยืนรออีกฝ่ายซื้อของอยู่ที่หน้าร้าน ครั้นฝ่ายนั้นเดินออกมาพร้อมกับถุงหิ้วแบรนด์เนมใบหนึ่ง เขาก็เข้าไปยืนขวางทาง ชัชวาลทำหน้าเหมือนเห็นเชื้อโรคทันทีที่เห็นเขา
“ไปไกลๆ ตีนเลยไอ้ฉัตร”
จิรฉัตรขบกรามแน่น แข็งใจไม่ด่ากลับเพราะต้องการความช่วยเหลือ ท่องไว้ในใจว่าไอ้เวรนี่เป็นผู้มีพระคุณ
ชัชวาลเบี่ยงตัวหลบซ้าย อีกคนก็ขวางทางซ้าย พอเขาเบี่ยงมาทางขวา ก็โดนขวางไว้อีก คนหน้าดุเริ่มหมดความอดทนพ่นลมหายใจฟืดฟาด ริมฝีปากหยักได้รูปอ้าปากตั้งท่าจะด่า แต่ถูกแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ฉันมีเรื่องให้ช่วย”
สุดท้ายจิรฉัตรก็ลากตัวชัชวาลมาช่วยเลือกซื้อของขวัญให้ริศาจนได้ หากเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไปคงได้มีขายหน้ากันบ้าง ทว่าตอนนี้เขาไม่ได้สนใจคนอื่นมากไปกว่าแม่ตัวเล็กที่บ้าน ระหว่างที่เขาหยิบจับนู่นนี่นั่นขึ้นมาถามความเห็นผู้เชี่ยวชาญด้านสตรี ก็มักจะโดนด่าจนหูชาต้องยอมวางของลงที่เดิมแต่โดยเร็ว
“เมียแกเป็นเด็กห้าขวบหรือไงถึงได้จะซื้อตุ๊กตาบาร์บี้ให้เนี่ย!”
ชัชวาลโมโห ก้มมองนาฬิกาเป็นพักๆ ไม่รู้ทำไมเขาต้องมาเสียเวลาอยู่กับปัญหาผัวเมียบ้านจินดามหาศักดิ์ด้วย
“แล้วฉันควรซื้ออะไรเล่า!” จิรฉัตรถามเสียงแข็ง
“แล้วเมียแกชอบอะไร”
“ดอกไม้”
“ก็ไปซื้อดอกไม้สิโว้ย!”
“ไม่พอ ฉันจะซื้อของขวัญอย่างอื่นด้วย”
จิรฉัตรเถียง เขาตั้งใจจะซื้อดอกไม้ให้ริศาอยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากซื้ออย่างอื่นให้หญิงสาวอีกสักอย่าง คนอย่างเขาจะยอมซื้อของเพียงเล็กน้อยเปย์ผู้หญิงได้ยังไง ต้องเล่นใหญ่สิถึงจะถูก
“น้ำหอมล่ะเป็นไง”
ชัชวาลเสนอความเห็น หลังจากเหลือบไปเห็นร้านน้ำหอมฝั่งตรงข้ามพอดี คนฟังอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
“ไอเดียดีนี่หว่า”
สองมาเฟียหนุ่มย่างกรายเข้าไปในร้านน้ำหอมแบรนด์ดังท่ามกลางสายตาพนักงานและลูกค้าสาวๆ ที่จ้องพวกเขาตาไม่กะพริบ ราวกับโดนรังสีความหล่อกระแทกตา พนักงานรีบตรงเข้ามาให้บริการด้วยสายตาหวานหยดย้อยทันที
“คุณลูกค้าต้องการกลิ่นแบบไหนเหรอคะ”
จิรฉัตรนิ่งคิดครู่หนึ่ง แล้วหน้าก็เริ่มร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงกลิ่นหอมจากโลชันของริศา กลิ่นที่ทำให้เขาสติกระเจิง มาเฟียหนุ่มกระซิบข้างหูพนักงานให้ได้ยินกันแค่สองคน อีกหนึ่งหนุ่มไม่ได้สนใจเขามากนักจึงไม่ได้แซวหรือกระแหนะกระแหนอะไรอีก
พนักงานสาวหายไปสองสามนาทีก็เดินกลับมาพร้อมกับแผ่นกระดาษเทสเตอร์สองแผ่น เธอยื่นให้จิรฉัตรรับไปลองดมๆ ดู กลิ่นแรกเป็นกลิ่นหอมหวาน แซมกลิ่นดอกไม้หน่อยๆ ส่วนอีกกลิ่นออกแนวกลิ่นขนมหวาน เขาดมสลับกันอยู่สองสามรอบแล้วตัดสินใจเลือกกลิ่นแรก
เขาว่ามันเหมาะกับริศาดี
จิรฉัตรเดินกลับมาที่ลานจอดรถพร้อมกับของขวัญสามชิ้น ได้แก่ เค้กหนึ่งก้อน ดอกกุหลาบช่อโต และน้ำหอมใส่กล่องสีชมพูผูกริบบิ้นน่ารัก เขาใส่ของทุกอย่างเข้าไปในท้ายรถ ก่อนกลับก็ซื้อน้ำหอมอีกกลิ่นหนึ่งที่พนักงานแนะนำให้ชัชวาลไป ตอนแรกฝ่ายนั้นปฏิเสธเสียงแข็ง แต่จิรฉัตรก็คะยั้นคะยอถือซะว่าแทนคำขอบคุณ จับยัดใส่มืออีกคนแล้วรีบเดินหนีออกมา
อย่างน้อยก็ถือว่าไม่มีหนี้บุญคุณละมั้ง
เย็นวันนั้นจิรฉัตรขับรถกลับเข้ามาในคฤหาสน์พบเจ้าของวันเกิดอยู่ในชุดเดรสยาวผ่าหน้าสีดำ แมตช์กับเชิ้ตแขนยาวสีขาว รองเท้าบูต ให้ฟีลลูกคุณหนูสไตล์วินเทจ หัวใจของจิรฉัตรกระตุกวูบเมื่อเห็นเธอกำลังนั่งเล่นกีตาร์เพลงที่เขาเคยฟังเมื่อนานมาแล้ว
หูของชายหนุ่มอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงแม่บ้านออกมาต้อนรับ หรือเสียงมือซ้ายคนสนิททักทาย ในหัวได้ยินแค่เสียงเพลงที่ลอยแว่วเข้ามาในโสตประสาท ภาพของหญิงสาวที่เขาเคยพบในงานดนตรีการกุศลเมื่อสามปีที่แล้วซ้อนทับขึ้นมา
ผู้หญิงที่ทำให้เขาต้องพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินตามหา
แล้วคุกเข่าขอแต่งงาน...
“รสา”
คนใช้ชื่อนั้นทำมาหากินเงยหน้าขึ้น นิ้วเรียวชะงักจากคอร์ดกีตาร์ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นจิรฉัตรกลับมาจากบริษัท
“คุณฉัตร ดูสิคะคุณเป้ให้ฉันยืมกีตาร์มาเล่นด้วยละ”
จิรฉัตรไม่พูดอะไร ดวงตาเริ่มแดงนิดๆ เหม่อมองรอยยิ้มสดใสดุจพระอาทิตย์ของคนตรงหน้า พอเธอเขย่าแขนเขาเบาๆ นั่นละ สติถึงได้ค่อยๆ กลับมา
“นานแล้วที่ผมไม่ได้เห็นคุณเล่นกีตาร์”
ชายหนุ่มพูดเสียงเบา หัวใจเต้นแรงเหมือนจะระเบิด
ริศาเลิกคิ้วแปลกใจ งงนิดหน่อยว่าทำไมจิรฉัตรถึงใช้คำว่า ‘นานแล้ว’ ในเมื่อพี่สาวของเธอเล่นดนตรีไม่เป็น และไม่เคยจับกีตาร์ด้วยซ้ำ
“อืม เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษค่ะฉันเลยอยากทำอะไรที่พิเศษนิดหน่อย”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘พิเศษ’ จึงนึกขึ้นได้ว่าเขาเตรียมของขวัญวันเกิดไว้ให้เธอที่ท้ายรถ เขาคลี่ยิ้มบางแล้วจูงมือเธอออกไปนอกคฤหาสน์
“จะไปไหนเหรอคะ”
จิรฉัตรไม่ตอบคำถาม แต่สั่งให้หญิงสาวหลับตา เขาเปิดท้ายรถแล้วเปิดกล่องเค้ก ปักเทียนแล้วจุดไฟจนครบทุกเล่ม จากนั้นจึงถือมาหยุดยืนตรงหน้าเธอ
“ลืมตาสิ”
เปลือกตาสีสวยค่อยๆ เปิดขึ้น ริศามองดูเค้กวันเกิดราคาแพงที่สุดในชีวิตของเธอ แล้วมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตัวโตที่เผยรอยยิ้มใจดีมาให้
“คุณฉัตร...”
“Happy Birthday ครับ”
เพียงเท่านั้นน้ำตาของริศาก็ไหลลงอาบแก้มนวลเนียน มือน้อยๆ ยกขึ้นปิดหน้าเพราะเขินอายที่ร้องไห้เหมือนกับเด็ก คนตัวสูงทำหน้าเหลอหลาไม่คิดว่าจะกลายเป็นภาพนี้ไปได้
“รสา คุณเป็นอะไร ไม่ชอบเค้กเหรอ ผมเอาไปปาทิ้งให้เลยก็ได้”
“ไม่ต้องค่ะ”
ริศาร้องห้าม ปาดน้ำตาออกจากหน้า จมูกแดงเป็นกวางเรนเดียร์
“ฉันดีใจมากต่างหากล่ะคะ ฉันนึกว่าปีนี้จะไม่มีใครซื้อเค้กให้ซะแล้ว”
จิรฉัตรส่งเค้กให้วิทย์รับไปถือ หลังจากบอดีการ์ดหนุ่มเดินมาดูเหตุการณ์ แล้วสวมกอดคนตัวเล็กหลวมๆ มือหนาลูบผมเธอเพื่อปลอบ
“โอ๋ๆ นะคนเก่ง ผมไม่เคยลืมวันเกิดคุณเลยนะ”
จิรฉัตรพูด เขาไม่เคยลืมวันเกิดของภรรยาเลยจริงๆ หัวใจแกร่งสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อต้องโกหกคนในอ้อมกอด
ริศาดันตัวออกแล้วส่งยิ้มหวานให้เขา “ขอบคุณนะคะ”
“ผมมีของขวัญอย่างอื่นด้วยนะ”
จิรฉัตรชี้ไปที่หลังรถ แล้วเดินไปหยิบดอกไม้กับกล่องของขวัญมาให้ หญิงสาวตาโตเมื่อเห็นข้าวของราคาแพงหลายชิ้น เธอยิ้มให้เขาอย่างมีความสุข เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่มอบรอยยิ้มอบอุ่นให้โดยไม่นึกเสียดาย
ทั้งสองรู้อยู่แก่ใจว่าบัดนี้ กำแพงที่สร้างขึ้นกีดกันความรู้สึกของพวกเขาได้ทลายลงทีละน้อย
ณ สนามบิน
รสานั่งเล่นโทรศัพท์ในโลกโซเชียลของเธอ หญิงสาวรอให้คนในครอบครัวเพียงสักคนโทร. มาบอกสุขสันต์วันเกิดตั้งแต่เช้า ทว่าจวนจะมืดอยู่แล้วก็ยังเงียบสนิท
ในอินสตาแกรมของเธอเองซึ่งปัจจุบันคนที่ใช้เป็นริศา ได้อัปรูปเค้กวันเกิด ดอกไม้ช่อใหญ่ และน้ำหอมหรูลงเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าจิรฉัตรเป็นคนซื้อให้
ในคอมเมนต์ใต้รูปมีผู้คนแสดงความยินดีในวันเกิดของเธอมากมาย รวมไปถึงพ่อกับแม่ คนที่เธอรออยู่เหมือนกันด้วย
ดวงตาสีไข่มุกดำเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา นิ้วเรียวยกขึ้นปาดมันทิ้งก่อนที่จะไหลรินลงมาเปื้อนแก้ม นึกน้อยใจทุกคน ทั้งๆ ที่เธอบินกลับมาเชียงใหม่ตั้งแต่เช้าและพยายามโทร. หาพ่อกับแม่ให้มารับที่สนามบิน ทว่าไม่มีใครรับสายเธอเลยสักคนเดียว
รสานั่งรอตั้งแต่เช้าจนมืดก็ไม่มีใครโทร. กลับมา
“เฮงซวย!”
ริมฝีปากกระจับสีสวยสบถเสียงดัง พร้อมกับทำท่าจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง ทว่ายับยั้งอารมณ์ไว้ได้จึงยกมือลงตามเดิม รสาลุกขึ้นยืนแล้วลากกระเป๋าออกจากสนามบิน อย่างน้อยๆ ก็ควรหาอะไรลงท้องเสียหน่อยแล้วค่อยกลับบ้านเมื่อผ่านพ้นวันนี้ไปแล้ว
เธอจะจำเอาไว้ว่าไม่มีใครอยากให้เธอเกิดมา
ความคิดเห็น |
---|