
1
คณิณ อัศวสินธุ์
หากจะให้พูดถึงตัวตนของ คณิณ อัศวสินธุ์ คงบรรยายได้ไม่ต่ำกว่าสามหน้ากระดาษเอสี่ มีทั้งเรื่องราวจากแวดวงธุรกิจ ทั้งข่าวคราวจากแวดวงไฮโซ เขาเป็นลูกหลานจากตระกูลผู้ดีเก่าผู้คร่ำหวอดกับการทำธุรกิจมานาน ทุกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้ล้วนแล้วแต่ได้รับความสนใจในวงกว้าง
แต่ถ้าจะให้สรุปโดยย่อในตอนนี้ คณิณ อัศวสินธุ์ คือผู้บริหารหนุ่มไฟแรงแห่ง ‘เคเอกรุ๊ป’ เป็นผู้กุมบังเหียนใหญ่ของบริษัทซึ่งมีกิจการในเครือครอบคลุมธุรกิจหลายอย่าง
นั่นยังไม่รวมรูปลักษณ์ชวนมองและน่าหลงใหล
ใบหน้าของเขานั้นหล่อเหลาราวรูปสลัก รูปร่างสูงใหญ่กำยำอย่างลูกครึ่งอเมริกันจากทางผู้เป็นมารดา การวางตัวในนามผู้บริหารระดับสูงยิ่งส่งเสริมให้เจ้าตัวดูโดดเด่นและเต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศ ดวงตาคมดุอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาต่อให้ได้สบตากันเพียงครั้งเดียวก็ไม่แคล้วถูกดึงดูดให้หลงอยู่ในภวังค์
คณิณ อัศวสินธุ์ เป็นผู้ชายที่หญิงสาวค่อนประเทศใฝ่ฝันถึง ไม่ว่าจะด้วยฐานะทางสังคมซึ่งเป็นต้นตระกูลขุนนางเก่าที่ทำธุรกิจและร่ำรวยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ตลอดจนความเก่งกาจในการบริหารซึ่งเป็นที่ยอมรับ เขาเป็นผู้นำที่พาธุรกิจในเครือก้าวกระโดดขึ้นมาสู่จุดสูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อย
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนผู้ชายคนนี้ก็เหมาะสมกับคำว่าเพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบ
ใช่...นั่นคือภาพจำสำหรับคนอื่น
แต่สำหรับคริมาแล้ว คณิณ อัศวสินธุ์ ไม่ต่างจากผู้ชายร้ายกาจที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว
ความทรงจำเมื่อสองชั่วโมงก่อนไหลย้อนเข้ามาในความคิดของเลขานุการสาวผู้มีความสัมพันธ์แบบ ‘Daddy with Secretary Benefits’ กับเจ้านาย ภายใต้ภาระงานอันหนักหน่วงและจริงจังยังมีสถานะของเธอกับเขาที่คลุมเครือ ไม่สามารถระบุได้ เรียกว่าเป็นความสัมพันธ์ที่มากกว่าเจ้านาย เป็นคนรู้ใจ แต่ไม่มีวันได้เป็นคนรักอย่างแท้จริง
ซึ่งความสัมพันธ์ครั้งนี้จะไม่ซับซ้อนเลย หากว่าคู่สัญญาอย่างเธอไม่ ‘ตกหลุมรัก’ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นทั้ง ‘เจ้านาย’ และ ‘รักแรก’ อย่างเขา
“จะให้ฉันทำตอนนี้ หรือยอมใส่เจ้านี่เข้าไป ตอบฉัน...ครีม”
เมื่อเจ้าของชื่อที่ช็อกค้างไปชั่วขณะได้สติก็เม้มปากแน่น ดวงตาคู่สวยของคริมาสั่นเทาเพราะความหวาดหวั่น แต่เพียงชั่วครู่เธอก็ต้องละสายตาจากใบหน้าหล่อเหลาของเขาไปยังวัตถุชิ้นจิ๋วที่เจ้าตัวถืออยู่
มันคือ ‘ไวเบรเตอร์’
ของเล่น ‘ทำรัก’ ที่ไม่ควรมาอยู่ในสถานที่ทำงานแห่งนี้แม้แต่น้อย
ไม่ควรเลยสักนิด...
แต่คณิณกำลังจะลงโทษเธอ ไม่ใช่เรื่องยากเลยหากผู้ชายอย่างเขาคิดจะทำมัน
คริมากลืนน้ำลายลงคอเมื่อเจ้านายหนุ่มจ้องนิ่ง คณิณไม่พูดอะไรอีก ไม่มีแม้แต่ท่าทีกดดันหรือคุกคาม เขาคงไม่รู้ว่าแค่เพียงดวงตาคมดุคู่นั้นก็ทำเอาคนถูกมองรับรู้ถึงความกดดันที่แผ่กระจายอยู่โดยรอบ เธออยากหลบดวงตาคู่นี้ แต่ไม่สามารถละสายตาได้ราวกับถูกดึงดูดให้จมอยู่ใต้การควบคุมของเขา
หญิงสาวมองของเล่นชิ้นเล็กที่ยังไม่เปิดใช้งาน มันวางอยู่บนฝ่ามือใหญ่ของเขา แต่ไม่กี่อึดใจก็ถูกยื่นมาตรงหน้าคล้ายคณิณให้ทางเลือกเธอในการตัดสินใจ แต่คริมารู้ดีว่านี่ไม่ใช่ทางเลือก คณิณไม่ได้ให้สิทธิ์นั้น เพราะในไม่ช้าของเล่นชิ้นนี้จะย้ายเข้ามาอยู่ในร่างกายเธอตามบทลงโทษที่เขาวางไว้
“เหลือเวลาอีกห้านาที”
คณิณใจร้าย
เรื่องนี้เธอรู้ดีอยู่แล้ว แต่ที่เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้คือผู้ชายอย่างเขาอัประดับความร้ายกาจขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งในตอนนี้มันอยู่ในระดับสูงสุด ร้ายกาจจนเธอหาทางรับมือไม่ไหว
“แค่ห้านาทีครีม” เสียงทุ้มเข้มที่เขาใช้ย้ำเตือนทำเอาเลขานุการสาวเม้มปากแน่น
ห้านาทีก่อนการประชุมสำคัญจะเริ่มขึ้น
ห้านาทีที่เขารู้ดีว่าเธอไม่มีทางยอมให้ท่านประธานแห่งเคเอกรุ๊ปเข้าประชุมสาย และเป็นห้านาทีที่คณิณก็รู้ดีว่าเขาไม่มีทางจบเซ็กซ์อันร้อนแรงได้ในเวลาเท่านี้ ทางเลือกที่ให้มาจึงมีเพียงคำตอบเดียวคือเธอต้องยินยอม
นี่แหละผู้ชายร้ายกาจที่ชื่อคณิณ เขาทั้งเจ้าแผนการและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม
“ขยับมาตรงนี้”
คนถูกออกคำสั่งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ดวงตาคู่สวยช้อนมองคนพูดด้วยความเว้าวอน หวังให้เขาเปลี่ยนใจไม่กลั่นแกล้ง หวังให้เก็บบทลงโทษนี้ไว้ทำในภายหลัง ทว่าคนอ้อนวอนอย่างเธอก็รู้ดีว่าแทบเป็นไปไม่ได้
คณิณไม่คิดจะเปลี่ยนใจ และในฐานะ ‘ผู้หญิงของเขา’ แน่นอนว่าเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
ถ้าจะถามว่าเรื่องทั้งหมดนี้เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไร คงต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณสามปีก่อน ตอนนั้นเธอคือบัณฑิตป้ายแดงที่เพิ่งเรียนจบ วาดฝันถึงการเข้าทำงานดีๆ ในบริษัทที่มั่นคง เก็บเงินให้มากพอสำหรับใช้ชีวิตอยู่กับบิดาอย่างมีความสุข แต่ความฝันของเธอก็พังลงเมื่อผู้ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวเพียงคนเดียวล้มป่วยด้วยโรคร้าย ชีวิตของเด็กจบใหม่ที่ยังไม่มีแม้แต่งานทำจึงมืดมนไร้ทางออก
ทว่าในตอนนั้นเองที่ผู้เป็นเจ้านายของบิดายื่นมือเข้ามาช่วย คณิณเป็นคนดูแลและจัดการให้ทุกอย่างตั้งแต่บิดาของเธอเข้ารับการรักษากระทั่งสิ้นสุดพิธีศพ เป็นการช่วยเหลือที่เขาไม่ได้ยื่นเงื่อนไขหรือบีบบังคับให้เธอทำอะไรตอบแทนแม้แต่น้อย
เพียงแต่ว่า...
‘พ่อเธอเป็นคนของฉัน ฉันดูแลเขาเพราะฉันเต็มใจ ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน’
อาจเป็นเพราะประโยคเรียบง่ายนี้ที่ทำให้ตั้งแต่นั้นมาข้างกายของเธอก็มีผู้ชายที่ชื่อ คณิณ อัศวสินธุ์ มาโดยตลอด
“…อ๊ะ”
คนตกอยู่ในภวังค์หลุดเสียงร้องออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงกายแกร่งที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง คริมาก้มมองฝ่ามือร้อนจัดของเจ้านายหนุ่มที่วางทาบลงบนสะโพก กระโปรงทำงานของเธอถูกเลิกขึ้นสูง เลขานุการสาวตกใจจนเผลอร้องอีกหนเมื่อชั้นในตัวบางถูกดึงลงมาค้างไว้บนขาเรียว
“ดะ...เดี๋ยว อื้อ!”
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ใบหน้าถูกจับให้หันมารับจูบร้อนแรงที่คนตัวสูงจงใจป้อนให้ คำทักท้วงถูกฉกชิงด้วยกลีบปากร้อนจัดของเขา หลงเหลือเพียงเสียงครางอู้อี้ในลำคอ เพราะสัมผัสหนักๆ ของริมฝีปากที่ทั้งดูดย้ำและขบกัดกลีบปากของเธอ
คณิณเอาแต่ใจ และแน่นอนว่านี่ยังไม่ใช่บทลงโทษที่เธอจะได้รับ
ลมหายใจของคนถูกจูบถี่กระชั้นเมื่อคนด้านหลังผละออกให้เธอได้โกยอากาศเข้าปอด คริมามองสบกับนัยน์ตาคมเข้มของเจ้านายหนุ่มที่มองมาอย่างผู้ชนะ พร้อมกันนั้นก็รับรู้ได้ถึงท่อนแขนใหญ่ที่สอดเข้ามาดึงตัวเธอไว้
พันธนาการแนบแน่นนี้ทำเอาคนถูกกอดได้แต่ขยับร่างกายไปมา ใบหน้าคริมาร้อนจัดเมื่อท่อนล่างที่แทบจะเปลือยเปล่าถูกยกขึ้นเพียงแผ่วเบาก็ไปเกยอยู่บนหน้าขาเขา
หญิงสาวดิ้นอีกครั้ง พยายามแล้วที่จะหนีจากพันธนาการ แต่พอได้ยินเสียงกระซิบแหบพร่า ท่อนขาที่ยืนอยู่ก็ไร้เรี่ยวแรงเสียดื้อๆ
“ถ้าขยับอีกที ฉันจะกินเธอตรงนี้ครีม”
“แต่เรามีประชุมนะคะ อื้อ เดี๋ยวค่ะ”
“เธอก็รู้ว่าฉันไม่สน และฉันมีเหตุผลมากพอถ้าจะยกเลิกมัน”
ดวงตาคู่สวยของคนถูกกอดไหวสั่น ยิ่งได้ยินเสียงกระซิบพร้อมทั้งปลายลิ้นอุ่นที่แตะลงบนใบหู ร่างกายก็ยิ่งสั่นสะท้าน ต้นคอขาวของเธอขยับหนีจากสัมผัสก่อกวน หัวใจดวงน้อยก็ยังเต้นรัวเพราะความหวาดหวั่น
ไม่ได้หวาดหวั่นเพราะกลัวสัมผัสของเขา แต่กลัวว่าการประชุมสำคัญจะถูกยกเลิกจริงๆ ต่างหาก
“เธอรู้ดีว่าฉันทำได้”
ใช่...เธอรู้ดีเชียวละ
เพราะอย่างนั้นหญิงสาวถึงทำได้เพียงส่ายใบหน้าหวานไปมาช้าๆ ดวงตาฉ่ำชื้นจ้องมองคนด้านหลังด้วยสายตาร้องขอ ก่อนเธอจะสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสเย็นๆ ที่แตะลงตรงด้านในเรียวขา
“อย่าเพิ่งค่ะ...อ๊ะ!”
ห้ามไม่ทันจบ ขนอ่อนในกายก็ลุกชัน เพราะฝ่ามือร้อนจัดที่ลากไปตามผิวเนื้อนุ่ม คณิณลงน้ำหนักมือบนท่อนขาขาวก่อนจะกดวัตถุชิ้นจิ๋วให้สอดลึกลงไปในความอ่อนนุ่มของหญิงสาว
“...อือ”
คนตัวเล็กชะงักค้าง ฟันคมขบกลีบปากจนชาเพราะสัมผัสหนักหน่วงที่จู่โจมกะทันหัน ยิ่งมันถูกดันเข้ามาลึกเท่าไร หัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นเท่านั้น
คริมาครางในลำคอ เจลเนื้อบางที่เขาปาดลงบนวัตถุชิ้นเล็กนี้ยิ่งทำให้คณิณดันมันเข้ามาในร่างกายของเธอได้ง่ายขึ้น หญิงสาวเม้มปากเพื่อกลั้นเสียงน่าอาย แต่ช่างยากเย็นในความรู้สึกของเธอ ยิ่งปลายนิ้วของเขาแตะลงบนความอ่อนไหวก็คล้ายว่าร่างกายเธอจะยิ่งเกร็งแน่นขึ้น
เธออยากขยับสะโพกหนีเพราะความอึดอัดและคับแน่น ถึงอย่างนั้นร่างกายกลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เพราะพันธนาการแน่นหนาของคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง
หญิงสาวยกมือปิดปาก ใบหน้าแดงจัดเพราะของเล่นชิ้นเล็กที่เล่นงานอยู่ด้านล่าง แม้จะยังไม่เปิดสวิตช์ใช้งาน แต่เพียงเท่านี้ร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านจนแทบทนความทรมานไม่ไหว แล้วเมื่อสัมผัสเสียวปราดเข้าจู่โจมก็ทำเอาเธอน้ำตาเล็ด ไม่ใช่ความเจ็บ แต่เป็นความทรมานเพราะความต้องการที่ถูกปลุกเร้าอย่างหนัก ยิ่งยามที่ลมหายใจร้อนจัดของเขารินรดอยู่ข้างแก้มก็ราวกับเขายิ่งมอมเมาสติเธอให้พร่าเลือนทีละน้อย
ทั้งที่ในใจกำลังคัดค้าน ทว่าร่างกายกลับขยับเข้าหาสัมผัสร้อนผ่าวนี้ทีละนิด อ่อนโอนจนคนล่อลวงขยับยิ้มมุมปากด้วยความความพอใจ
คณิณพิงสะโพกลงกับโต๊ะทำงานในท่าที่ถนัด ฝ่ามือร้อนจัดลูบไปตามขาเรียวเสลาของคนที่ตัวสั่นน้อยๆ เขารู้ว่าคริมาอยากต่อต้าน แต่ก็รู้อีกเช่นกันว่าเธอไม่มีวันทำสำเร็จ คนเป็นต่อปัดปลายจมูกกับแก้มขาว สูดกลิ่นหอมจางๆ บนนั้นก่อนฝ่ามืออีกข้างจะเคลื่อนลงไปด้านล่าง ไม่สนใจดวงตาคู่สวยที่มองกันราวกับอ้อนวอนขอ
เขาไม่มีทางให้ในสิ่งที่เธอต้องการ
ไม่ใช่ตอนนี้...ตอนที่กำลังเตรียมบทลงโทษสำหรับเด็กนิสัยไม่ดีอย่างเธอ
เป็นอีกครั้งที่คนถูกพันธนาการพยายามขยับตัวไปมาเพราะอึดอัด คริมาเหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะสลับกับเจ้าของร่างสูงที่แนบชิดอยู่ด้านหลัง ไม่มีเวลาแล้ว แต่เธอไม่รู้จะพาตัวเองออกจากสถานการณ์นี้อย่างไร เมื่ออีกฝ่ายอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว ถึงอย่างนั้นดวงตาคมดุของเจ้านายกลับไม่แสดงความหวั่นไหวแม้แต่น้อย เป็นเธอเสียอีกที่สั่นสะท้านเพราะการกระทำร้ายกาจของเขา
เจ้าของร่างเล็กสะดุ้งอีกหนเมื่อเอวคอดกิ่วถูกกระตุกเข้าหาท่อนขาแข็งแรง ยิ่งขยับมากเท่าไรก็คล้ายของข้างในจะยิ่งเสียดสีจนทรมานมากเท่านั้น หญิงสาวอ้าปากค้างก่อนคู้กายลงกับท่อนขาของอีกฝ่ายเพราะความรู้สึกที่มากล้น
‘จะบ้าตายอยู่แล้ว...’
คนถูกปั่นป่วนให้ทรมานตัดพ้อในใจ แม้จะเคยถูกลงโทษมาบ้าง แต่เธอคิดว่าครั้งนี้หนักหน่วงกว่าเดิมหลายเท่า ที่ผ่านมาคณิณไม่เคยใช้ของเล่นกับเธอนอกบ้าน ยิ่งในที่ทำงานเช่นนี้ ยิ่งไม่เคยทำมาก่อน ทว่าคราวนี้เขากลับตั้งใจใช้มันปั่นป่วนเธอให้เร่าร้อนจนแทบยืนไม่อยู่
ไม่ต้องคิดถึงการเข้าประชุมสำคัญหรอก แค่ให้เธอประคองสติตัวเองได้ตอนนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว!
คนน้อยใจจ้องมองสีหน้าเรียบนิ่งของคนตัวสูงที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ ก่อนจะทันได้พูดอะไรมากกว่านี้ หญิงสาวก็หวีดเสียงหวานระบายอารมณ์เมื่อวัตถุชิ้นเล็กที่เคยนิ่งอยู่ในกายสั่นครืด
“อ๊ะ!”
คณิณใช้มือข้างหนึ่งกอดกระชับคนบนตักไม่ให้ขยับหนี ฝ่ามืออีกข้างสอดเข้าไปเคล้นเนินเนื้อเปลือยเปล่าที่ทั้งนุ่มนิ่มและน่าหลงใหล คริมาน่าแกล้ง ยิ่งเห็นสีหน้าทรมานของเธอเขายิ่งสนุก ในที่สุดปลายคางเรียวก็ถูกจับให้หันกลับมารับจูบแสนร้อนแรงอีกครั้งเพราะทนไม่ไหว
ชายหนุ่มแตะปลายลิ้นอุ่นลงบนกลีบปากฉ่ำชื้นเบาๆ พร้อมกับกดปรับระดับรีโมตในมือให้แรงขึ้น เพียงเท่านั้นสะโพกมนของคนในอ้อมแขนก็ส่ายสะบัด คณิณยกยิ้มมุมปาก มองคนถูกรังแกร้องสะอื้นเพราะความเสียดเสียด น้ำตาเม็ดกลมเอ่อคลออย่างน่าสงสาร ถึงอย่างนั้นเขากลับยังไม่ยอมผ่อนปรนในสิ่งที่ทำอยู่
คณิณโอบกอดร่างกายเล็กของหญิงสาวที่สั่นเทาไว้ กดจูบเบาๆ บนขมับที่ชื้นด้วยเหงื่อ เขาต้องยอมรับว่าคริมาน่าแกล้ง ยิ่งในยามที่สีหน้ายุ่งเหยิงนั้นแสดงความไม่พอใจ แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความต้องการ ยิ่งทำให้เจ้าตัวดูน่ารักน่ารักแกขึ้นไปอีก
“คุณคณิณขา...อื้อ” เธอพยายามแล้วที่จะขยับร่างกายเพื่อหนีความเสียวซ่าน ทว่ากลับถูกแกล้งอีกครั้งเมื่อเขาปิดสวิตช์นั้นลงดื้อๆ
หญิงสาวอ้าปากค้าง หอบเอาอากาศหายใจเข้าปอด รู้สึกเหมือนเมื่อครู่เป็นเพียงบททดสอบแรกสำหรับการลงโทษที่เธอไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดที่ตรงไหน แต่ที่แน่ๆ คือแววตาล้อเลียนแกมหยอกเย้าของคนตัวโตกว่าบอกเธอว่าเขาจะไม่หยุดเพียงเท่านี้แน่นอน
“เอาละ เราต้องเข้าประชุมกันแล้ว”
นี่ต่างหาก…บทลงโทษที่แท้จริงของเธอเพิ่งเริ่มขึ้น
พอทุกอย่างจบลง คนตรงหน้าเธอก็กลับมาทำตัวปกติราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น คริมาก้มมองฝ่ามือใหญ่ของคนใจร้ายที่กำลังช่วยเธอแต่งตัวให้เรียบร้อย คำพูดของเขาร้ายกาจ ทว่าการกระทำกลับตรงกันข้าม คนที่เอาแต่แกล้งกันก่อนหน้านี้เป็นคนเดียวกับคนที่จับร่างกายเธอขยับไปมาอย่างอ่อนโยน ก็เพราะแบบนี้ไง ต่อให้อยากเกลียดแค่ไหน เธอถึงทำไม่ลงสักที
“อย่าแกล้งครีมแบบนี้ได้ไหมคะ แบบนี้ครีมทนไม่ไหวแน่ มัน...”
‘มันทรมานเกินไป’ ประโยคหลังเธอไม่ได้บอกออกไปเพราะรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวที่มารวมกันอยู่บนใบหน้า
ไม่ไหวหรอก เธอทนไม่ไหวแน่ๆ หากต้องมีสิ่งนี้สอดลึกอยู่ในร่างกายระหว่างเข้าประชุมอันแสนดุเดือดกับผู้บริหาร เธอจะเอาสมาธิจากไหนมาสรุปข้อมูลการประชุมให้เขา เพราะแค่กลั้นไม่ให้เสียงน่าอายนี้หลุดลอดออกมาก็ยากเย็นเกินพอแล้ว
“เธอดื้อเองนะครีม ฉันเตือนแล้ว แต่เธอไม่ยอมฟัง”
คำวิงวอนของเธอไม่เป็นผล คนตัวโตกว่าดึงเธอไปกอดไว้หลวมๆ แทนคำว่ากล่าว คริมาหลบตา ยิ่งอยู่ใกล้เธอก็ยิ่งเห็นรอยบนใบหน้าของอีกฝ่ายชัดขึ้น ชัดเจนจนไม่กล้าดิ้นหนี เพราะกลัวจะทำเขาได้แผลอีก
รอยข่วนบนใบหน้าของเจ้านายทำให้เธอยอมรับว่าตัวเองดื้อดึง แผลนั้นลากยาวมาจนถึงลำคอของเขา แน่นอนว่ายังสดใหม่เพราะเพิ่งผ่านคมเล็บของเธอมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน สาเหตุก็เพราะเธอรั้นจะปีนขึ้นไปหยิบแฟ้มเอกสารจนเกือบตกลงมา
ทั้งที่ถูกห้าม ทั้งที่คณิณบอกให้รอ แต่เป็นเธอที่ใจร้อนไม่ยอมฟัง ดีที่เขาตามมาคว้าไว้ทัน ไม่อย่างนั้นเธออาจต้องไปนอนโรงพยาบาลและงานพวกนี้อาจจะเสียหาย
คริมารู้สึกผิดที่ทำเขาได้แผล
เธอไม่ได้เจ็บตัว แต่ความตื่นกลัวและตกใจทำให้ทุกอย่างออกมาอย่างที่เห็น คณิณเจ็บ ส่วนเธอก็ถูกเขาทำโทษ เพราะการกระทำของตัวเอง หญิงสาวยอมรับผิดในเรื่องนี้ แต่บทลงโทษของเขาไม่รุนแรงไปหน่อยหรือ คริมาได้แต่ถามตัวเองในใจ
“ครีมขอโทษสำหรับเรื่องนั้น แต่แบบนี้มัน...อื้อ”
“ถ้ายังพูดอีกคำ ฉันจะเปิดมันไว้จนจบการประชุม”
แรงสั่นส่งผลให้หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น คำขอโทษถูกกลืนหายลงในลำคอ และแทนที่ด้วยเสียงอย่างอื่น
นี่สินะ เหตุผลที่เขาเอามันมาลอง ‘เล่น’ กับเธอ เพราะแม้ข้างในจะสั่นไหวจนคนถูกแกล้งบิดส่ายร่างกายไปมาเพราะความทรมาน ทว่าภายนอกกลับเงียบกริบ ไร้เสียงเล็ดลอดออกมา
“พร้อมแล้วใช่ไหม”
เธอมีสิทธิ์ไม่พร้อมอย่างนั้นเหรอ!
คริมานึกเข่นเขี้ยวเจ้าของใบหน้าหล่อร้ายที่มองกันอย่างยั่วเย้า จะมีใครรู้บ้างว่าผู้บริหารที่แสนเงียบขรึมและเยือกเย็นอย่างเขาทำอะไรกับเธอไว้บ้าง เบื้องหน้าและเบื้องหลังของคณินไม่แตกต่างกันมากก็จริง เขาร้ายอยู่แล้ว แต่คงมีเธอคนเดียวที่รู้ว่าเขาร้ายกาจได้ยิ่งกว่าที่เขาแสดงออกต่อหน้าคนอื่น!
หากจะให้ชั่งน้ำหนักระหว่างความใจดีกับร้ายกาจของ คณิณ อัศวสินธุ์ ในตอนนี้ คริมาคงเทน้ำหนักไปที่ข้อหลังอย่างไม่ต้องสงสัย เลขานุการสาวหน้าแดงก่ำพลางก้มมองทางเดินที่ราบเรียบ ร่างกายยังหลงเหลือความรู้สึกบางอย่าง เพราะแม้เวลาจะผ่านไปเกือบครบชั่วโมงแล้ว แต่ความทรมานของเธอกลับไม่ทุเลาลงเลยสักนิด
คนตัวเล็กเหลือบมองเจ้าของร่างสูงที่เดินตามมาจากด้านหลัง เสียงฝีเท้านั้นลงน้ำหนักมั่นคง ท่วงท่าสบายอกสบายใจของเขาทำเธอขุ่นเคืองจนอยากฟาดมือลงใส่เขาแรงๆ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะในกระเป๋ากางเกงแบรนด์ดังของเขายังมีรีโมตที่ใช้บังคับความร้อนรุ่มในร่างกายเธออยู่
แม้ตอนนี้การปลุกเร้าจะหยุดลงแล้วก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายถึงความอึดอัดยามเธอขยับร่างกายจะคลายลงด้วย ต่อให้ขาเรียวใต้กระโปรงผ้านี้จะก้าวอย่างระมัดระวังเท่าไร แต่เจ้าสิ่งนั้นก็ยังสร้างความปั่นป่วนให้ร่างกายส่วนล่างของเธอทุกครั้งที่ขยับเคลื่อนไหว
หญิงสาวเร่งฝีเท้าเมื่อความรู้สึกหนึ่งเข้าจู่โจมจนอยากหนีจากคนใจร้ายอย่างเขา เธอมุ่งไปยังลานจอดรถของผู้บริหารที่มีรถยนต์คันหรูจอดอยู่ พยายามจะไม่สนใจบางสิ่งบางอย่างที่ยังแทรกลึกอยู่ในร่างกาย ไม่สนใจเจ้าของฝีเท้าหนักๆ ที่เดินตามเธอมาโดยไร้คำพูด นั่นเพราะเธอเองก็มีสิทธิ์ไม่พอใจการกระทำก่อนหน้านี้ของเขาเช่นกัน
ใช่ เธอไม่พอใจจนไม่อยากพูดอะไรกับเขาในตอนนี้
“หยุดแล้วมาคุยกันเดี๋ยวนี้ครีม”
อาจเพราะหมดเวลางานแล้ว คริมาจึงคิดว่าเธอไม่ได้อยู่ในสถานะลูกน้องที่ต้องทำตามคำสั่ง หญิงสาวไม่ได้หยุดตามเสียงเรียก เธอทำเพียงก้าวเดินไปยังรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านใน ไม่สนใจคนตัวโตที่เปิดประตูตามเข้ามาแล้วกระแทกประตูปิดจนรถทั้งคันสะเทือน
“ออกรถ”
“ครับ คุณคณิณ” คนขับรถรับคำ
ที่นั่งด้านหลังถูกปิดกั้นจากสายตาคนขับรถจึงกลับมาเหลือแค่เธอและเขาอีกครั้ง คริมาปล่อยให้ห้องโดยสารตกอยู่ในความเงียบ เธอคิดว่าการไม่พูดอะไรออกไปตอนนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่เธอคิดผิด เพราะนอกจากจะไม่จบแล้วยังกลายเป็นเขาเปิดสวิตช์ให้มันสั่นขึ้นอีกครั้ง
เพียงเท่านั้นเธอก็รู้ชะตากรรมแล้วว่าการเดินทางจากบริษัทถึงบ้านคงไม่ราบรื่นอย่างที่คิด
“จะเงียบไปถึงบ้านเลยใช่ไหม”
เธอไม่ตอบในทันที แต่เหลือบมองเจ้านายหนุ่มที่นอกเวลางานก็มีสีหน้ายุ่งยากไม่ต่างกัน รีโมตในมือของเขาเร่งระดับความแรงของสิ่งนั้นให้เพิ่มขึ้น แต่ความดื้อดึงก็ยังมีน้ำหนักในใจเธอมากเกินกว่าจะยอมแพ้
“ครีม”
“คุณบอกครีมว่าเลิกงานแล้วจะหยุดมัน”
สุดท้ายคนถูกเรียกชื่อก็หลุดคำพูดที่คับข้องอยู่ในใจออกมาจนได้ เสียงของเธอสั่น ความทรมานที่ถูกปลุกขึ้นอีกครั้งทำเธอต้องจิกเล็บลงบนต้นขา ขยำกระโปรงผ้าเนื้อดีจนยับย่น แต่ก็ไม่อาจซ่อนความร้อนรุ่มข้างในไว้ได้
“เงื่อนไขที่ฉันบอกคืออะไร”
หญิงสาวช้อนตาขึ้นมองเจ้าของเสียงที่เอ่ยถามราวกับไม่เป็นเดือดเป็นร้อนด้วยความตัดพ้อ คณิณก็ยังเป็นคณิณอยู่วันยังค่ำ เป็นคณิณที่ยังใจร้ายกับเธอเสมอต้นเสมอปลาย เขาปรายตามองเธอเพียงแวบหนึ่งก่อนหันกลับไปสนใจไอแพดในมือต่อ เลื่อนดูข้อมูลในนั้นราวกับว่ามันน่าสนใจหนักหนา
“ถ้าครีมไม่ดื้อ”
ทำไมเธอจะจำเงื่อนไขนั้นไม่ได้ ในเมื่อก่อนหน้าเขาย้ำกับเธอตั้งหลายหน ทว่าคำตอบนั้นทำให้คิ้วเข้มของชายหนุ่มเลิกขึ้น ก่อนเขาจะเอ่ยคำถามถัดมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“แล้วเธอทำอย่างนั้นหรือเปล่าครีม”
ไอแพดเครื่องสวยถูกโยนทิ้งไว้ข้างตัว เพราะคณิณไม่ได้สนใจมันแต่แรก เขาหันกลับมาหาเจ้าของร่างบางที่มองเขาด้วยความขุ่นเคือง รู้ว่าเธอกำลังโกรธ แต่เขาก็สนุกดีที่ได้เห็นแววตาดื้อรั้นและอวดดีแบบนี้
“เธอไม่ทำตามเงื่อนไข”
ในเมื่อคริมาไม่ทำตามเงื่อนไข นั่นก็เพียงพอแล้วที่บทลงโทษของเขาจะดำเนินต่อไป
“เพราะคุณแกล้งครีมต่างหากละคะ ไม่อย่างนั้นครีมก็คงไม่ทำตัวเสียมารยาทแบบนั้นหรอก”
คำทักท้วงไม่พอใจทำเอาผู้บริหารหนุ่มยกยิ้มจาง ทว่าดูเหมือนคนพูดจะโกรธเขาจนแทบเก็บอารมณ์ไว้ไม่ไหว
“อืม อย่างนั้นเหรอ”
“คุณคณิณ!” คนถูกยั่วแหย่ตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดังลั่น ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาดังมาก็คล้ายว่าความไม่พอใจของเธอจะยิ่งมากขึ้นไปอีก
ถ้าไม่ใช่เพราะถูกเขาแกล้งในห้องประชุม เธอคงไม่เสียมารยาทเดินออกไปจากห้องประชุมแบบนั้น ถึงจะเหลือแค่ไม่กี่นาทีก่อนที่การประชุมจะเสร็จสิ้น แต่เธอรู้ดีว่านั่นเป็นเรื่องไม่ควรทำ ทว่าคำพูดที่ทั้งอยากโต้งเถียงและอธิบายกลับต้องเก็บเอาไว้ เพราะเธอคิดว่าคงเปล่าประโยชน์หากจะพูดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว
หญิงสาวเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพื่อระงับความโกรธระคนผิดหวังที่อัดแน่นอยู่ในอก ครั้งนี้คณิณทำเกินไปจริงๆ ถึงอย่างนั้นคำกล่าวโทษก็เกิดขึ้นเพียงในใจ เพราะเธอรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะโต้แย้ง
เจ้าของร่างเล็กขยับเข้าชิดประตูอีกด้าน ก่อนเปลือกตาคู่สวยจะค่อยๆ ปิดลง ความน้อยใจจุกอกจนน้ำตาเกือบไหล แต่เธอไม่สนใจมันนัก ไม่สนใจแม้กระทั่งร่างกายส่วนล่างที่กำลังทรมานเพราะการกลั่นแกล้ง แต่หญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อทั้งร่างถูกดึงให้ลอยหวือขึ้นไปนั่งบนตักของอีกฝ่าย คณิณเกี่ยวท่อนแขนรอบเอวของเธอไว้ไม่ให้ดิ้นหนี และเป็นอีกครั้งที่ริมฝีปากร้อนจัดของเขาทาบลงมาปิดอย่างเอาแต่ใจ
“อื้อ!”
ยิ่งเธอดิ้นมากเท่าไร จูบร้อนแรงของเขาก็ยิ่งดำเนินต่อไปราวไม่มีที่สิ้นสุดมากเท่านั้น
“อยู่นิ่งๆ ครีม อย่าดื้อ”
คณิณออกคำสั่งพร้อมกระชับวงแขนรัด ‘กวางน้อย’ ที่กำลังดิ้นรนให้นั่งนิ่งบนตัก เหมือนเจ้าจะไม่รู้ตัวว่าดิ้นมากๆ อะไรๆ ในตัวเขาก็ชักจะไม่อยู่เฉย เขาลูบฝ่ามือลงกับแผ่นหลังเล็กๆ พร้อมทั้งกระชับวงแขนแน่นขึ้นกันไม่ให้เธอตก จากนั้นจึงกระซิบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงจนหญิงสาวยอมสงบ
เขาไม่ได้อยากทำให้เธอเจ็บ และการดิ้นอยู่แบบนี้ไม่เป็นผลดีกับเธอเท่าไรนัก
“เด็กดี”
คนตัวสูงชมเบาๆ เวลาเธอไม่ดื้อ ไม่รู้ว่าเพราะสัญชาตญาณหรืออารมณ์ในส่วนลึกที่ถูกปลุกเร้าหนักหน่วงมาทั้งวันที่ทำให้คนบนตักซุกหน้าลงกับไหล่ของเขาอย่างหมดเรี่ยวแรง ท่อนขาสองข้างบิดส่ายไปมาเมื่อของเล่นชิ้นวายร้ายในร่างกายยังโจมตีเธอไม่หยุด
“...แต่คุณนิสัยไม่ดี” คริมาบริภาษเจ้าของตักเสียงเบาพร้อมหอบสะท้านอยู่กับอกกว้าง
แต่ริมฝีปากของหญิงสาวอ้าค้างได้ไม่นานก็ถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากร้อนจัดของเขาที่ตักตวงอย่างเอาแต่ใจ กวาดลิ้นไล่ต้อนอยู่ในโพรงปากคล้ายสำรวจหาต้นเหตุที่ทำให้เขาหลงใหล
‘หลงจนแทบถอนตัวไม่ขึ้น’
“ฉันรู้ครีม รู้ดีกว่าเธอเสียอีก” คณิณถอนจูบอย่างอ้อยอิ่งและแสนเสียดาย แต่แม้จะถูกต่อว่าแค่ไหนคนนิสัยไม่ดีกลับยิ้มขำ เขายอมรับอย่างเต็มใจว่าเป็นคนประเภทนั้น ไม่เถียง ไม่โต้แย้งเลยสักคำ เพราะหลักฐานมัดตัวอย่างแน่นหนา
ดูเหมือนตอนนี้กวางน้อยของเขาจะหมดฤทธิ์แล้ว เจ้าตัวถึงได้แนบใบหน้าลงบนไหล่ของเขาไม่ยอมห่าง ฝ่ามือวางทาบและขยำเชิ้ตตัวในของเขาจนยับย่น ถึงอย่างนั้นผู้เป็นเจ้าของกลับไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด
คณิณจูบเรือนผมของอีกฝ่ายแผ่วเบา ตั้งใจปลุกปลอบคนร่างกายร้อนผ่าวให้กลับมาสงบอีกครั้ง เขาเพิ่งรู้ว่าระยะทางจากที่ทำงานถึงบ้านนั้นไกลถึงเพียงนี้ หรือเพราะใจเขาร้อนรนเกินกว่าเหตุก็ไม่อาจทราบได้
“ไม่ใช่ตอนนี้”
คนตัวสูงปรามเมื่ออีกฝ่ายขยับร่างกายเข้าบดเบียด เขารู้ว่าเธอกำลังทรมาน เพราะร่างกายเขาก็ร้อนไม่ต่างกันนัก แต่มันยังไม่ใช่เวลา คณิณยิ้มพอใจเมื่ออีกฝ่ายช้อนตาขึ้นมองราวกับต้องการตัดพ้อ เขามองใบหน้าสีแดงระเรื่อของเธอก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังริมปากอวบอิ่มที่อยากฉกชิมอีกไม่รู้เบื่อ
“เสร็จด้วยเจ้านี่มันจะไปสนุกอะไร”
ประโยคถัดมาของเขาที่กระซิบแผ่วเบาทำให้ใบหน้าคริมาเห่อร้อน เพราะไม่เพียงแค่พูด แต่เจ้าตัวยังก้มลงขบใบหูอย่างหยอกเย้าก่อนจะหยุดริมฝีปากลงตรงลาดไหล่เธอแล้วกัดเบาๆ
เป็นความจริงที่ว่าทุกครั้งที่คณิณใช้ของเล่นกับเธอเขาไม่เคยให้เธอไปปลดปล่อยกับสิ่งนั้น เขาทรมานให้เธอฟุ้งซ่านและเสพติดร่างกายของเขา
และใช่ เขาทำมันสำเร็จ
เพราะไม่เพียงเสพติดร่างกาย แต่เธอเสพติดทุกสัมผัสจากเขาเลยต่างหาก
“รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไงต่อจากนี้”
“...”
รู้ แต่เธอไม่อยากยอมรับ
“แล้วเธอรู้ใช่ไหมครีม เวลาเธอดื้อ คนแบบฉันทำอะไรกับเธอได้บ้าง”
เจ้าของชื่อเม้มปากแน่น ดวงตาคู่สวยหลบตาเขาและเสมองไปทางอื่น เธอไม่อ่อนข้อ แต่ก็ไม่กล้าเถียงเพราะรู้ดีว่าการบทลงโทษของเขาไม่เคยปรานี แม้จะไม่เคยได้รับความเจ็บปวดทางร่างกาย แต่ความทรมานชนิดอื่นนั้นเธอรู้ซึ้งดีเพราะกำลังได้รับมันอยู่
พื้นที่กว่าครึ่งของบ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นรายล้อมด้วยต้นไม้สีเขียว เป็นบ้านที่ออกแบบมาอย่างลงตัว มุมสำหรับพักผ่อนและพื้นที่ใช้สอยต่างๆ จัดแบ่งได้สัดส่วน เรียกได้ว่าแทบทุกตารางเมตรภายในบ้านหลังนี้ผ่านการวิเคราะห์อย่างดีจากผู้เป็นเจ้าของ
คริมาเคยได้ยินมาว่าบ้านหลังนี้ได้แนวความคิดมาจากคณิณเป็นส่วนใหญ่ บวกกับการออกแบบของสถาปนิกมือหนึ่งจึงออกมาสมบูรณ์แบบทั้งในแง่ของการจัดวางและประโยชน์ใช้สอย โดยเฉพาะห้องทำงานของเขาที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เนื่องจากเจ้าตัวมักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในนั้น นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนบาร์เครื่องดื่มที่ใช้งานบ่อยไม่แพ้กัน ตกแต่งอย่างดีไม่ต่างจากการหยิบจากคลับหรูมาวางไว้ ครบครันทั้งอุปกรณ์และเครื่องดื่มราคาแพง
คณิณไม่ใช่คนดื่มจัด แต่เพราะเขามีเพื่อนเยอะและเรียกว่าหลากหลายจากทุกวงการ การพบปะสังสรรค์จึงเป็นอะไรที่เลี่ยงไม่ได้ และเมื่อไม่ชอบความวุ่นวายข้างนอก เขาถึงยกบรรยากาศแบบนั้นมาไว้ในบ้านแทน
ส่วนเธอเป็นคนนอกที่เพิ่งมีโอกาสย้ายเข้ามาอยู่เมื่อประมาณสามปีก่อน หลังตกลงรับเงื่อนไขที่คนเป็นเจ้านายไม่ได้ทำสัญญาหรือผู้มัด
หนึ่งคือเธอเข้าทำงานที่เคเอกรุ๊ปในตำแหน่งเลขานุการของเขา และสองคืออีกสถานะที่ยังคลุมเครือและสรุปไม่ได้ ทว่าสุดท้ายเธอก็ได้รับคำสั่งให้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันในบ้านหลังนี้
‘ถ้าแกไม่ได้คิดอะไรก็ไม่เห็นต้องให้ครีมย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยเลย เว้นเสียแต่ว่า...’
คริมายังจำคำถามของมนภาสหรือคุณมาร์คผู้เป็นเพื่อนสนิทและดำรงตำแหน่งผู้ช่วยของเขาในตอนนั้นได้ดี แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้อยู่ฟังจนจบ จึงไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเจ้าของบ้านอย่างคณิณถึงให้เธอย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นแบบไหน เธอก็คิดว่ามันไม่สำคัญแล้ว เพราะสุดท้ายเธอก็เป็นแค่ดอกไม้ใกล้มือที่เขาจะหยิบขึ้นมาดู หรือวางลงเมื่อไรก็ได้
แต่นั่นก็เป็นข้อตกลงที่เธอยอมรับ ตลอดเวลาที่ผ่านมาคณิณเองก็ไม่เคยบังคับหักหาญน้ำใจ แต่อาจต้องยกเว้นความเจ้าเล่ห์และร้ายกาจที่เขามักล่อลวงให้เธอเป็นฝ่ายโอนอ่อนไว้หน่อย คณิณเก่งเรื่องปั่นให้เธอเป็นฝ่ายเรียกร้องและเดินเข้าหาโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรด้วยซ้ำ เขาแค่นั่งรอ แต่เป็นเธอต่างหากที่ยอมสยบต่อความต้องการของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อย่างเช่นครั้งนี้ที่เธอก็กำลังจะทำมัน
ก๊อก! ก๊อก!
“เข้ามา”
เสียงเคาะประตูยังดังไม่ถึงสามครั้ง เธอก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของคนด้านในที่ตอบรับราวกับรออยู่ กลายเป็นผู้บุกรุกอย่างเธอเสียอีกที่ต้องสูดลมหายใจลึกเรียกกำลังใจ
เพราะประตูไม่ได้ล็อก คนที่ยืนอยู่หน้าห้องจึงถือวิสาสะหมุนลูกบิดและผลักประตูเข้าไปตามคำอนุญาต สถานที่แห่งนี้ไม่เคยมีอันตราย หรือถ้าจะมีก็ไม่พ้นเจ้าของห้องอย่างเขาที่น่าจะอันตรายที่สุดสำหรับเธอแล้วในเวลานี้
พื้นที่กว้างภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีขาวและเทาเสียเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งและการจัดวางล้วนบ่งบอกตัวตน รวมถึงรสนิยมของเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี
ทันทีที่เข้ามาด้านใน ภาพแรกที่เธอเห็นก็ทำเอาลมหายใจสะดุดไปหนึ่งจังหวะ คณิณกำลังนั่งพิงหลังอยู่กับหัวเตียง ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงราวจดจ่ออยู่กับหนังสือเล่มหนึ่ง เขาไม่ได้เงยขึ้นมองคนมาใหม่ที่หัวใจเต้นแรงเพราะความตื่นกลัวอย่างเธอด้วยซ้ำ แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่มองอยู่ตอนนี้ คริมาคิดว่าใบหน้าเรียบเฉยของเขาไม่น่าหวาดหวั่นเท่ากล้ามท้องแน่นตึงที่โผล่พ้นเสื้อคลุมตัวยาวนั่นเลย ท่อนขาทั้งสองข้างที่ไขว้กันจนชายเสื้อคลุมเลิกสูงนั่นอีก หมิ่นเหม่เสียจนคนลอบมองต้องเบนสายตาไปทางอื่นเพื่อเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้ใจเต้นตึ้กตั้ก
แม้จะเคย ‘ทำกัน’ มาหลายครั้ง แต่บอกตามตรงว่าเธอไม่ชินกับความโจ่งแจ้งของผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ
“หึ”
คล้ายได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเจ้าของห้อง เป็นเหตุให้คนที่เสหน้าไปทางอื่นต้องหันมามองอย่างช่วยไม่ได้ สายตาของเธอสบกับนัยน์ตาคู่คมของคนที่มองอยู่ก่อน แววตาของคณิณยังนิ่งไม่แสดงความรู้สึก แต่คริมารู้ดีว่าหลังจากนี้เธอต้องเตรียมรับบทลงโทษจากเขาหนักหน่วงแค่ไหน
“มาแล้วเหรอ”
คนแสร้งไม่สนใจวางหนังสือที่อ่านยังไม่จบลงบนโต๊ะข้างเตียง เอ่ยถามทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเธอมายืนอยู่ตรงนี้ได้สักพักแล้ว คณิณยิ้มมุกปากพลางตบมือลงบนเตียงเพื่อเป็นสัญญาณให้คนตัวเล็กตรงหน้าเริ่มทำหน้าที่ ไม่ใช่มายืนจ้องกันด้วยสีหน้าแดงจัดแบบนี้ เพราะพานให้เขาอยากแกล้ง ‘เอา’ หนักๆ จนเธอลุกไปไหนไม่ได้
‘ยั่วยวนแต่ไม่เคยรู้ตัว’
แน่นอนว่าประโยคนี้ช่างเหมาะกับหญิงสาวตรงหน้า ความใสซื่อทว่าดื้อดึงนี้ทำให้คริมาทั้งน่ารักและน่ารังแกในเวลาเดียวกัน น่าทำให้ร้องไห้อยู่ใต้ร่าง ครวญครางเรียกชื่อเขาซ้ำๆ แต่ในขณะเดียวกันก็น่าสงสารจนต้องคอยดึงมากอดปลอบ
คณิณไม่มั่นใจว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่นี้เรียกว่าอะไร แต่สิ่งที่เขารู้ก็คือ แค่คิดถึงกายสาวใต้ชุดนอนนิ่มลื่นนั้นร่างกายที่สงบนิ่งก็มีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่าจุดประสงค์ที่คนตัวเล็กมายืนหน้าแดงก่ำอยู่ตรงนี้คืออะไร ถ้าไม่ใช่เพราะกำลังทรมานด้วยสิ่งที่เขาควบคุมอยู่
“อะ...เอาออกได้หรือยังคะ”
คนถูกถามยิ้มอย่างพึงพอใจ เอ็นดูที่เด็กน้อยของเขายังคงซื่อสัตย์จนวินาทีสุดท้าย เพราะน่ารักเแบบนี้ไงเขาถึงอยากแกล้งให้เธอร้องไห้นัก
สุดท้ายคณิณก็หยิบรีโมตที่เป็นสาเหตุให้เจ้าตัวมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าขึ้นมา มุมปากยกยิ้มเพียงเพราะจินตนาการไปถึงของที่ถูกซ่อนอยู่ในกายสาว เขาอยากเอามันออกมาแล้วแทนที่ด้วยอย่างอื่นจะแย่ บางสิ่งบางอย่างที่จะทำให้เธอครางเสียงหวานๆ ให้เขาฟัง
คณิณยอมรับว่ารสนิยมเปลี่ยนไปตั้งแต่เจอกับคริมาเมื่อสามปีก่อน เขาไม่เคยใช้ของเล่นกับคู่นอนคนไหน แต่กับคนตรงหน้าดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นข้อยกเว้นไปเสียหมด เขาเพิ่งรู้ว่ามันสนุกและน่าเอามาเล่นก็ตอนได้เจอกับเธอนี่เอง
“ขึ้นมาสิ”
เมื่อได้ยินคำสั่ง หญิงสาวก็เงยหน้ามองคนที่ยังพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ น้ำเสียงของเขาไร้ซึ่งความเกรี้ยวโกรธ แต่กลับเต็มไปด้วยความกดดันที่ทำเอาคนถูกมองแทบหายใจไม่ออก
“ฉันไม่ได้บังคับเธอนะครีม”
มุมปากหยักของคนออกคำสั่งยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นความลังเลในนัยน์ตาของอีกฝ่าย ก่อนจะตบมือลงบนเตียงอีกครั้งราวกับย้ำเตือนว่าเธอไม่ควรยืนอยู่ตรงนั้นอีกแม้แต่วินาทีเดียว
“ประตูบานนั้นเธอเองที่เป็นคนเปิดเข้ามา”
ใช่ ประตูบานนั้นเธอเองที่เป็นคนเปิดเข้ามา
คริมายอมรับ เธอสูดลมหายใจแล้วค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ มองสบกับนัยน์ตาคู่นั้นของเขาอย่างไม่ยอมแพ้ คณิณพูดถูกทุกอย่าง และครั้งนี้ก็เป็นเธอเองที่ก้าวเข้ามาหาเขา หญิงสาวพยายามคาดเดาว่าภายใต้สีหน้าเรียบเฉยนั้นเขาคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ได้คำตอบ กระทั่งเสี้ยววินาทีนั้นคำตอบซึ่งเธอโหยหาก็ชัดเจนผ่านอุปกรณ์ชิ้นจิ๋วที่สอดอยู่ในร่างกาย มันสั่นแรงเสียดความอ่อนนุ่ม เสียวจนเจ้าของร่างเล็กแทบจะทรุดตัวลงตรงนั้น
เธอจิกเล็บลงบนผ้าปูที่นอนจนยับย่น ทุกการเคลื่อนขยับล้วนสร้างความทรมานและวาบหวามแทบเสร็จสม ร่างกายของเธอเกร็งค้าง หัวเข่าข้างที่วางพาดบนขอบเตียงไร้เรี่ยวแรงจนต้องทิ้งน้ำหนักลงบนนั้นเพื่อรองรับแรงอารมณ์อันพลุ่งพล่าน หวีดเสียงหวานเมื่อร่างกายถูกกระตุ้นอีกหลายต่อหลายครั้ง
“อื้อ”
“ยิ่งช้ายิ่งทรมาน”
คนทรมานพยายามขยับร่างกายเข้าหา แต่ต้องสะดุ้งเป็นครั้งที่สองเมื่อรู้สึกได้ว่าส่วนอ่อนไหวนั้นถูกสัมผัสหนักหน่วงเล่นงาน มันสั่นแรงขึ้นจนเธอต้องใช้ฝ่ามือทั้งสองมือข้างค้ำเตียงไว้ ไม่ให้ตัวเองล้มลงไปเสียก่อน
“อยากให้ฉันช่วยใช่ไหม”
คริมาพยักหน้าเร็วๆ ทั้งน้ำตาคลอหน่วย เธอเสียวจนไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำพูดได้ ได้แต่อ้อนขอเขาผ่านทางสายตา ทว่าคำตอบของเขาก็ยังใจร้ายกับเธอเสมอ
“งั้นตอบมาก่อนว่าช่วยเธอแล้วฉันจะได้อะไร”
คราวนี้ใบหน้างามส่ายไปมา เส้นผมสีน้ำตาลสะบัดเคลียใบหน้า เป็นภาพที่แสนเย้ายวนจนคนมองต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“ไม่มี…ครีมไม่มี”
เธอกำลังทรมาน ถึงอย่างนั้นใจกลางความอ่อนไหวกลับเต็มไปด้วยความชุ่มฉ่ำของน้ำหวานจากการปลุกเร้าอย่างหนัก หญิงสาวหนีบขาสองข้างเข้าหากันแน่น แต่ยิ่งทำเช่นนั้นร่างกายกลับยิ่งสะท้าน เพราะความแน่นนั้นพานให้อึดอัดจนอยากจะร้องไห้
“ฉันเป็นนักธุรกิจ ฉันควรได้อะไรตอบแทนจากการช่วยเหลือเธอไม่ใช่หรือครีม”
คนตัวเล็กกว่ามองคนใจร้ายอย่างตัดพ้อ เม้มริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงร้องน่าอายไม่ให้เล็ดลอด แต่ความทรมานจนไม่อาจทนไหวนี้ทำให้เธอต้องขยับเข้าหาคนตรงหน้า กระตุกชายเสื้อคลุมของเขาออกเพราะความโกรธ ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วของเขา ความอวดดีในใจก็ยิ่งทำให้อยากเอาชนะมากขึ้นไปอีก
คณิณกระตุกยิ้มพึงพอใจ ก้มมองเด็กน้อยตรงหน้าด้วยแววตานึกสนุก นี่แหละคริมา ผู้หญิงที่ทำอะไรเหนือความคาดหมายของเขาเสมอ
“เอาสิเด็กน้อย ฉันรอเธออยู่”
ผิดกับคนแสร้งทำใจกล้าที่จะร้องไห้อยู่รอมร่อ คริมาเกือบจะยอมแพ้เพียงเพราะเห็นกล้ามเนื้อเรียงตัวสวยที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ถึงจะทำอวดเก่งเพราะถูกเขายั่วให้โกรธ แต่เธอไม่ได้ใจกล้าถึงขนาดมองเขาแล้วไม่ขัดเขินเสียหน่อย แต่ถึงจะไม่อยากมองนัก ความสวยงามตรงหน้าก็ทำเอาเธอเผลอไล่สายตาสำรวจอย่างห้ามไม่อยู่
คณิณในวัยสามสิบแปดปีไม่ได้ดูดีน้อยกว่าวันแรกที่เจอเลยสักนิด เขายังดูหนุ่มแน่นเสมอ
ไม่นานใบหน้าของเธอก็เห่อร้อนเมื่อสายตาพลันสะดุดกับความแข็งแกร่งที่ค่อยๆ ตื่นตัวจนพองคับหน้าขาเขา ลำคอของเธอแห้งผาก ร่างกายส่วนล่างก็พลันกระตุกสั่นอย่างน่าไม่อาย
“อ๊ะ”
สัญญาณเตือนครั้งที่สองเริ่มขึ้นเมื่อสัมผัสที่ด้านล่างถูกเร่งเร้าหนักหน่วงขึ้น มันหวามไหวจนหญิงสาวต้องพยุงร่างกายสั่นเทาเข้าไปหากายใหญ่ตรงหน้า
“...อืม”
ทันทีที่ฝ่ามือเล็กแตะลงบนความแข็งแกร่ง เสียงคำรามทุ้มต่ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้น คณิณเกร็งกล้ามเนื้อโดยอัตโนมัติเมื่อส่วนไวต่อสัมผัสถูกแตะต้อง เขาแยกท่อนขาออกจากกันเล็กน้อยเพื่ออำนวยความสะดวกให้คนที่ทำหน้าราวกับกำลังจะร้องไห้
คณิณปฏิเสธไม่ได้ว่ากายสาวแสนเย้ายวนนี้กำลังปลุกเร้าให้ร่างกายเขาร้อนรุ่ม ชายหนุ่มรู้ดีอีกว่าภายใต้น้ำตาเม็ดกลมที่เอ่อคลอนั้นแฝงความซุกซนไว้อยู่ กวางน้อยที่เขาพร่ำสอนมากับมือเรียนรู้เร็วจนบางครั้งก็คาดไม่ถึง
คล้ายจะว่าง่าย…
คล้ายจะโอนอ่อน…
แต่กลับไม่เคยยอมถอยให้เขาสักครั้ง
และสิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ไม่ว่าจะเป็นคริมาในรูปแบบไหนก็ปลุกปั่นอารมณ์ดิบเขาได้ทั้งนั้น
คณิณมองร่างบอบบางที่ก้มตัวต่ำจนเผยส่วนโค้งเว้าใต้ชุดนอนตัวสวย แม้จะขัดหูขัดตาเพราะอดมองผิวกายขาวเนียน แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าภาพตรงหน้าให้ความรู้สึกเซ็กซี่ไปอีกแบบ
“อ่า”
เพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับเรื่องอื่น รู้ตัวอีกทีส่วนหัวสีสดก็ถูกริมฝีปากเล็กครอบครองจนคนถูกกระทำสะท้านไหว คณิณคำรามในลำคอ มองภาพแสนยั่วยวนตรงหน้าด้วยใจเต้นไม่เป็นส่ำ ร่างกายของเขาร้อนขึ้น แต่ส่วนไวต่อสัมผัสนั้นกลับร้อนยิ่งกว่า
หญิงสาวครอบครองส่วนหัวหยักก่อนจะไล้ปลายลิ้นไปตามความยาวแล้วหยุดลงตรงใจกลาง เธออ้าปากกว้าง กลืนกินมันจนลึกสุดในลำคอ ใช้ฝ่ามือโอบประคองขนาดใหญ่โตที่ไม่สามารถครอบครองได้หมด
“ดี อืม…เด็กดี”
เสียงครางต่ำของเจ้านายหนุ่มแหบพร่า คณิณยกฝ่ามือลูบเบาๆ บนกลุ่มผมนุ่มเพื่อระบายความอึดอัด ร่างกายร้อนจัดเกร็งเป็นจังหวะเมื่อปลายลิ้นเล็กขยับอยู่กับส่วนบนจนรู้สึกได้ถึงน้ำเหนียวใสที่ปริ่มจะไหล
“ครีม อ่า”
แม้ไม่อยากยอมรับ แต่คณิณรู้ว่าร่างกายของเขาตอบสนองได้ดีกับแค่หญิงสาวตรงหน้า เพราะเพียงได้เห็นดวงตาคู่สวยวาววับด้วยหยดน้ำตา ร่างกายของเขาก็ร้อนขึ้นจนแทบอยากระเบิดความต้องการออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ยิ่งยามที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มขยับไปมาบนความอ่อนไหวและร้อนจัด กรามแกร่งของคนถูกปรนเปรอก็ยิ่งขบกันแน่น
คณิณคำรามในลำคอ ลูบไปตามผิวแก้มแดงจัดของหญิงสาวที่มีแก่นกายใหญ่โตของเขาคับแน่นอยู่ในปาก เขาพอใจที่มันเหยียดขยายจนปวดร้าว
แต่เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นการ ‘ลงโทษ’ ทุกอย่างจึงไม่ง่ายขนาดนั้น
กึก!
“อื้อ”
ทันทีที่รีโมตในมือถูกปรับแรงจนสุดเจ้าของร่างเล็กที่นั่งแทรกอยู่ตรงกลางก็ดิ้นพราด คริมาหวีดร้อง ทว่าเสียงที่หลุดออกมากลับดังเพียงอู้อี้เมื่อมีส่วนใหญ่โตคับแน่นอยู่เต็มโพรงปาก สะโพกมนส่ายเมื่อความรุนแรงอีกระดับที่ไม่เคยพบทำเอากายเล็กกระตุกถี่
ตั้งใจจะผละห่างออกจากความใหญ่โตเพราะทรมาน ทว่าศีรษะกลับถูกอีกคนรั้งไว้ไม่ให้ถอนตัวออกมาจากความคับแน่น
“อึก อื้อ!”
คริมาจะขาดใจตายเสียให้ได้ เมื่อริมฝีปากต้องกลืนกินส่วนใหญ่โตในขณะที่ส่วนอ่อนไหวของตัวเองถูกปลุกเร้าอย่างหนัก คนตัวสูงกดใบหน้าของเธอลงเพื่อไม่ให้ขยับ ซ้ำยังสวนสะโพกเข้าใส่จนคนร่างเล็กสั่นไหว
มันทั้งล้ำลึกและรุนแรง…
คับแน่นจนน้ำตาไหลซึมเพราะความรู้สึกที่มากล้น
“อื้อ”
ส่งเสียงอู้อี้ออกมาได้ไม่ถึงครึ่งคำ โพรงปากก็ถูกความคับแน่นแทรกเข้าหาอีกหน ริมฝีปากของเธอเกร็งจนปวดชาเพราะขนาดท่อนกายไม่ธรรมดาที่ขยับเข้าออกรัวเร็ว
เผียะ!
ร่างเล็กของหญิงสาวสะดุ้งไหวเมื่อฝ่ามือใหญ่ตีลงบนสะโพก ถึงไม่รุนแรงจนเจ็บ แต่ก็ทำให้คนที่ทรมานจากการถูกปลุกเร้าก่อนหน้าถึงกับดิ้นเร่าๆ เข่าทั้งสองวางติดพื้นเพราะหมดเรี่ยวแรง
“เร็วกว่านี้ครีม”
หญิงสาวต้องหวีดร้องอีกหนเมื่อสัมผัสจากด้านในยิ่งแทรกลึกและแนบแน่น คริมาส่ายหน้า วอนขออีกคนทั้งดวงตาที่แวววับด้วยน้ำตาคลอหน่วยเมื่อเสียดเสียวทรมานจากการถูกปลุกเร้าพร้อมกันทั้งด้านบนและด้านล่าง
ไม่ไหว...
ร่างกายเธอร้อนจนแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยง กลางกายตอดรัดถี่จนน้ำหวานใสไหลเยิ้ม ปวดร้าวจนต้องถูไถส่วนอ่อนไหวลงบนผ้าปูที่นอนราคาแพงอย่างหมดสิ้นความอาย
เธอร้อน...
ร่างกายร้อนรุ่มทรมานพานให้ปลายลิ้นที่เล่นอยู่กับส่วนหัวหยักปัดป่ายเร็วขึ้นตามแรงอารมณ์ของเจ้าของ เธอดูดกลืนส่วนนั้นอย่างหาทางปลดปล่อย ในตอนที่ขยับทั้งฝ่ามือและริมฝีปากเป็นจังหวะถี่เร็วสายธารอุ่นจากคนตรงหน้าก็พลันระเบิดเต็มโพรงปากเธอ
“อื้อ!”
ใบหน้าสวยหวานถูกดึงออกมา แต่ช้าไปเล็กน้อย ทำให้มีบางส่วนเปื้อนผิวแก้มเธอ แม้คณิณจะไม่ตั้งใจ แต่ภาพที่เห็นนั้นกลับยั่วยวนจนเจ้าของใบหน้าเปรอะเปื้อนถูกดึงขึ้นไปป้อนจูบร้อนแรงอีกครั้ง ชายหนุ่มฉกชิมไปทั่วโพรงปาก กวาดลิ้นต้อนลิ้นเล็กแล้วดูดดึงอย่างหยอกเย้า
ไม่นานชุดนอนตัวสวยของเธอก็ถูกถอดโยนทิ้ง คณิณดึงคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ก่อนจะจับพลิกร่างกายเธอเข้าหา ให้แผ่นหลังแนบสนิทกับอกแกร่งพร้อมทั้งออกคำสั่งเสียงแหบพร่า
“แยกขาออก”
ความคิดเห็น |
---|